บรรยากาศการซื้อขายในตลาดในวันพฤหัสบดีเปลี่ยนเป็นระมัดระวังมากขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กลับมาอีกครั้งเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนและกาซา (Gaza) รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของทรัมป์และแผนการจัดการงบประมาณ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่น่าผิดหวัง และถ้อยแถลงอย่างระมัดระวังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ล้วนกดดันให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) มีแนวโน้มปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่า ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (Leading Index) ประจำเดือนมกราคมลดลง -0.3% (เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ -0.1%) ขณะที่ ดัชนีธุรกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯประจำฟิลาเดลเฟีย ร่วงลงอย่างหนักสู่ระดับ 18.1 จาก 44.3 ในการรายงานก่อนหน้า นอกจากนี้ จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเป็น 219,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 215,000 ราย ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ Fed อย่าง บอสติค, มูซาเลม, กูลส์บี และผู้ว่าการ อาเดรียน่า คูเกลอร์ ได้เน้นย้ำถึงแนวทางที่ระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยส่งสัญญาณว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย
ในด้านภูมิรัฐศาสตร์มีการรายงานว่า ทางการสหรัฐฯคัดค้านการใช้คำว่า "การรุกรานของรัสเซีย" (Russian Aggression) ในแถลงการณ์ของ G7 เกี่ยวกับยูเครน ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงท่าทีที่อ่อนลงต่อมอสโก อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ยังคงมีความหวังหลังจากหารือกับพลเอก เคลล็อกก์ ของสหรัฐฯ ในขณะที่ทางฝั่งตะวันออกกลาง ผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ วิทคอฟ พยายามลดความกังวลเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ต่อกาซา (Gaza) โดยระบุว่าแผนดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การเอื้อประโยชน์แก่ชาวปาเลสไตน์มากกว่าการบังคับให้พวกเขาอพยพออกจากพื้นที่
ในอีกทางหนึ่ง รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เบสเซนท์ ย้ำถึงความจำเป็นในการรักษาความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเตือนเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงินจากประเทศอื่นๆ แม้ว่าทรัมป์จะผลักดันมาตรการภาษีและการลดการขาดดุลงบประมาณ แต่ตลาดส่วนใหญ่มองว่า มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือการเจรจาทางยุทธศาสตร์มากกว่าภัยคุกคามโดยตรง ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อบรรยากาศการพร้อมรับความเสี่ยงในตลาด
การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯเปิดทางให้สกุลเงินหลักอื่นๆและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม เงินยูโร (EUR), เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และดอลลาร์แคนาดา (CAD) ยังคงเผชิญกับแรงกดดันและขาดแรงผลักดันในการปรับตัวขึ้น ขณะที่ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) กลายเป็นสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
ในส่วนของราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะมีการดึงกลับของระดับราคาเล็กน้อย ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบมีเป้าหมายที่จะปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบห้าสัปดาห์ นอกจากนี้ คริปโทเคอร์เรนซีและตลาดหุ้นยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรหลักปรับตัวลดลง
การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯช่วยหนุนให้คู่เงิน EURUSD และคู่เงิน GBPUSD ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์ แต่แนวโน้มขาขึ้นยังคงจำกัด เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดย เกดิมินัส ซิมคุส ผู้กำหนดนโยบายของ ECB สนับสนุนการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2025 ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าฟิวเจอร์สที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ย (interest rate futures) บ่งชี้ว่าเทรดเดอร์กำลังคาดการณ์ว่า BoE อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุดพื้นฐานก่อนสิ้นปีนี้ ในขณะเดียวกัน การรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหภาพยุโรปเบื้องต้นสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวดีขึ้นเป็น -13.6 (เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ -14.0 และตัวเลขการรายงานก่อนหน้าที่ -14.2) ขณะที่ ข้อมูลยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของภาคการบริโภค
อีกทางด้านหนึ่ง คู่เงิน USDJPY ยังคงเผชิญแรงกดดัน แม้ว่าจะดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์ เนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะเข้าแทรกแซงตลาดเงินมากขึ้น ท่าทีการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นที่ปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 19 เดือน ทำให้ช่วงแนวโน้มขาลงยังคงควบคุมแนวโน้มของคู่เงินนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการ BoJ คาซูโอะ อูเอดะ และนายกรัฐมนตรี อิชิบะ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์เกี่ยวกับการแทรกแซงตลาดที่อาจเกิดขึ้น และกระตุ้นให้คู่เงินเยนฟื้นตัวขึ้นล่าสุด
ด้วยถ้อยแถลงเชิงระมัดระวังจากธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงล่าสุดได้ช่วยหนุนคู่เงิน AUDUSD และคู่เงิน NZDUSD ท่ามกลางการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม คู่เงิน USDCAD กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯและราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ เนื่องจากตลาดยังกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจจากปัญหาการค้าและความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อคู่เงิน Loonie
ทองคำยังคงเป็นที่ต้องการ แม้ว่าจะปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจาก การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และแรงเทซื้อที่แข็งแกร่งจากจีนและอินเดีย โดยราคาทองคำกำลังมุ่งหน้าสู่การปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่แปด โดยมีเป้าหมายที่ระดับ $3,000 หลังจากพุ่งสูงขึ้นใกล้ระดับราคาที่ราวๆ $2,955 อย่างไรก็ดี ด้วยภาวะแรงเทซื้อที่มากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดการดึงกลับของระดับราคาได้ แต่การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งยังคงเผชิญแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ และสัญญาณที่ไม่ชัดเจนจาก Fed จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวลง
Bitcoin (BTCUSD) และ Ethereum (ETHUSD) ยังคงรักษาการปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ไว้ได้ แม้ว่าโมเมนตัมจะชะลอตัวลง โดยได้รับแรงหนุนจากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) มุ่งเน้นไปที่การกำกับดูแลการ Staking ของคริปโต และความคืบหน้าในกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับทีมเฉพาะกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ ความคาดหวังเกี่ยวกับการเจรจาทางการทูตระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย รวมถึงท่าทีที่เป็นมิตรต่อคริปโตของทรัมป์ ยังช่วยหนุนความเชื่อมั่นในตลาดอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบห้าสัปดาห์ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า สหรัฐฯอาจเติมน้ำมันในคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) และความเป็นไปได้ที่ OPEC+ อาจเลื่อนแผนการเพิ่มกำลังการผลิตออกไป อีกทั้ง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง และความกังวลด้านการค้าที่ผ่อนคลายลง ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันเพิ่มเติม
ในวันศุกร์นี้ ตลาดจะจับตามองไปที่การรายงานดัชนี PMI เบื้องต้นของเดือนกุมภาพันธ์จากประเทศกลุ่มเศรษฐกิจหลัก ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และยูโรโซน พร้อมกับความคืบหน้าเกี่ยวกับข่าวสารทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญเกี่ยวกับยูเครน มาตรการภาษี และกาซา (Gaza) โดยการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อาจเกิดขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น ก็อาจเป็นอุปสรรคต่อนักเทรดคู่เงิน EURUSD คู่เงิน GBPUSD และคู่เงิน USDCAD
ในขณะเดียวกัน ราคาทองคำอาจชะลอตัวระหว่างการปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับ $3,000 ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบและสกุลเงินดิจิทัลอาจเกิดการดึงกลับของระดับราคา เว้นแต่ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอลงจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่า
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด!
