แม้ปัจจุบันจะมีตลาดการเงินและสินทรัพย์หลายแบบให้เลือก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเทรดหุ้นและ Forex ก็ยังเป็นสองตัวเลือกหลักสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ ขณะที่หลายคนชื่นชอบและเลือกที่จะใช้เลเวอเรจที่สูงขึ้นและพร้อมสภาพคล่องในการเทรดแบบรายวัน แต่ก็มีหลายคนที่ชอบการเทรดตามระเบียบข้อบังคับของตลาดหุ้นโดยตรง
การจะเลือกเทรดอะไรก็ขึ้นอยู่กับความชอบ เป้าหมาย กลยุทธ์การลงทุน และลักษณะนิสัยในการลงทุนของท่าน โดยในบทความวันนี้ เราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างการเทรดหุ้นและ Forex เพื่อให้ท่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าท่านเหมาะที่จะลงทุนอะไร
มาดูตารางอธิบายความแตกต่างระหว่างหุ้นและ Forex เพื่อกำหนดกลยุทธ์และเครื่องมือที่ท่านต้องใช้ในการเทรดหุ้นหรือ Forex:
นอกจากนี้ วิธีการซื้อขายหรือเทรดก็แตกต่างกัน ในการเทรด Forex นักลงทุนจะต้องมีความคิดที่เบนไปในทางเทคนิค เนื่องจากจะต้องคอยศึกษากราฟราคาและอินดิเคเตอร์หลายๆ แบบ ซึ่งใช้เวลาพอสมควร อาจไม่ค่อยสะดวกมากนักสำหรับหลายๆ คนที่ทำงานประจำ
ตรงข้ามกับการเทรดหุ้นที่ใช้เวลาน้อยกว่า ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนักและสามารถทำกำไรได้จากการติดตามข่าวผลประกอบการของบริษัทบลูชิป และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง
เอาล่ะ มาดูความแตกต่างแบบละเอียด เพื่อตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าการลงทุนแบบใดเหมาะกับท่านมากกว่ากัน
ในการเทรดหุ้น ท่านจะต้องมีบัญชีที่ใช้มาร์จิ้น ซึ่งใช้เลเวอเรจได้มากที่สุดแค่ 2:1 อย่างไรก็แล้วแต่ หากท่านเน้นเทรดรายวันเป็นหลัก และต้องการซื้อและขายหุ้นหลายครั้งต่อวันเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา ท่านสามารถใช้เลเวอเรจได้มากถึง 4:1 ทั้งนี้ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบางคนที่จะเทรดเข้าเงื่อนไขดังกล่าว
แตกต่างกับการเทรด Forex ที่นักเทรดจะต้องเปิดบัญชีเทรด Forex เท่านั้น โดดขีดจำกัดเลเวอเรจจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่โบรกเกอร์ผู้ให้บริการเป็นคนกำหนด โดยส่วนใหญ่นักเทรดมือใหม่อาจคาดหวังเลเวอเรจถึง 50:1 ทำให้การเทรด Forex เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักเทรดที่มองหาตลาดการเงินที่มีการควบคุมน้อยกว่าและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ขณะที่บางคนมองว่ากฎระเบียบเพิ่มเติมเป็นชั้นความปลอดภัยพิเศษที่สามารถควบคุมเงินทุนและผลกำไรของตนได้ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับท่านว่าจะเลือกสภาพแวดล้อมการเทรดแบบใด
การเทรดหุ้นคือการซื้อหุ้นของบริษัทต้นแบบโดยมีเป้าหมายเพื่อรับเงินปันผล (อีกวิธีหนึ่งคือการเก็งกำไรในราคาหุ้นจากการเทรดแบบรายวัน) โดยหุ้นแต่ละตัวมีราคาต่างกัน มีตั้งแต่หลายเซ็นต์ (หุ้นเพนนี) ไปจนถึงหลายร้อยหรือหลายพันดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้ ราคาจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของสินทรัพย์หรือหุ้นนั้นๆ โดยหากมีการเทรดจำนวนก็จะส่งผลต่อสถานการณ์และสภาพคล่องในตลาดได้ดี โดยเฉพาะจังหวะที่มีผู้เล่นรายใหญ่เข้าซื้อหุ้น เช่น 10,000 หุ้นเป็นอย่างต่ำ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาหุ้นและสร้างความคึกคักให้ตลาด
ในการเทรด Forex คู่สกุลเงินหลักทั้งหมดมีสภาพคล่องที่สูง แม้ในบางครั้งอาจมีความผันผวนด้านอุปทานและทำให้เกิดการขาดดุลในระยะสั้นๆ แต่ก็ยังมีสกุลเงินอื่นๆ อีกหลายรายการให้เลือกเทรด นอกจากนี้ ตลาดยังได้อิทธิพลจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ธนาคารกลาง ที่สามารถเข้าแทรกแซงในตลาดสกุลเงินเพื่อปรับปรุงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพแวดล้อมในการซื้อขาย โดยเฉพาะสภาพคล่อง
อย่างที่ทราบกันดีว่าการเทรด Forex นั้นจะมีราคาที่อิงจากคู่สกุลเงิน โดยนักลงทุนจะต้องเฝ้าจับตาดูทั้งสองสกุลเงินในคู่เงินหนึ่งคู่ และคอยติดตามสถานภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของแต่ละประเทศ ตลอดจนเสถียรภาพของสกุลเงินที่ท่านกำลังซื้อขายอยู่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ท่านต้องคอยวิเคราะห์และศึกษา (GDP, สถานการณ์ทางภูมิศาสตร์การเมือง ฯลฯ) ไหนจะกราฟราคา Forex และการวิเคราะห์ทางเทคนิคอีกด้วย
ในการเทรดหุ้น ท่านเพียงแค่ติดตามข้อมูลของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์เพื่อศึกษาว่าหุ้นมีแนวโน้มจะเติบโตหรือไม่ โดยสกุลเงินเดียวที่ท่านจะต้องสนใจคือ USD (หรือสกุลเงินในประเทศที่ท่านเทรดหุ้นอยู่)
ทั้งนี้ การเทรด Forex ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก ขณะที่ตลาดหุ้นใหญ่ๆ มักได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกน้อยกว่า แต่ก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นอาจดิ่งจากวิกฤตได้เช่นกัน
การเทรด Forex มีตัวเลือกรูปแบบการลงทุนให้เลือกมากมาย ทำให้เข้าถึงตลาดสกุลเงินได้ง่ายขึ้น โดยท่านสามารถซื้อและขายสินทรัพย์ได้เกือบตลอดเวลาตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์
สำหรับการเทรดหุ้น นักเทรดต้องเทรดในชั่วโมงการซื้อขายหลักตามตลาดหลักทรัพย์ ตัวอย่างเช่น ระบบโบรกเกอร์ของสหรัฐทำให้นักเทรดสามารถเข้าตลาดได้ระหว่างเวลา 9:30 น. ถึง 16:00 น. โดยเวลาทำการสามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้ในช่วงวันหยุดราชการ อย่างไรก็ตาม มีเทคนิคบางอย่างที่ใช้ในการเข้าซื้อขายก่อนตลาดเปิดและหลังตลาดปิดด้วยเช่นกัน
การเทรด Forex เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงตลาดตลอด 24/7 แต่อาจจะมีช่วงเวลาที่แตกต่างกันเล็กน้อยตามโซนเวลา (Time zone) ของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง
คำตอบขึ้นอยู่กับว่าสไตล์การเทรดของท่านเป็นแบบไหน ลองมาดูองค์ประกอบดังต่อไปนี้ที่จะทำให้ท่านเข้าใจง่ายขึ้น:
นักเทรดมือใหม่ส่วนใหญ่เลือกการเทรดหุ้นเนื่องจากเป็นการเริ่มต้นที่ปลอดภัยและง่ายที่สุด นักเทรดอาจรู้สึกสบายใจที่จะเทรดในสภาพแวดล้อมการซื้อขายหุ้นโดยเฉพาะ ในขณะเดียวกัน ผู้ที่มองหาโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้นและอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น การเทรด Forex ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับท่าน แม้สภาพแวดล้อมการลงทุนจะได้รับการควบคุมน้อยกว่า แต่นักเทรดสามารถควบคุมกลยุทธ์การเทรดได้โดยการใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนและเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงอื่นๆ
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน