โดยทั่วไป “Parity” นั้นหมายถึง “ความเท่าเทียม” แต่ในแง่ของการเทรด Parity หมายถึง มูลค่าความเท่าเทียมกันของสินทรัพย์ ซึ่งเป็นรูปแบบมูลค่าของสินทรัพย์การเงินหลายประเภทในตลาดการลงทุน โดยเมื่อกล่าวถึง Parity Value นั่นหมายความว่าสินทรัพย์ทั้ง 2 รายการนั้นมีการซื้อขายที่มูลค่าเท่าๆ กัน ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งในการเทรดหุ้น (Stock), คู่เงิน (Currency pair), ตราสารหนี้ (Bond) และสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม Parity หรือมูลค่าที่เท่าเทียมกันนั้นอาจไม่ได้หมายถึงราคาของสินทรัพย์นั้นๆ เพียงอย่างเดียวเสมอไป แต่ยังเป็นการอธิบายภาพรวมความเท่าเทียมกันของตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายๆ อย่าง เช่น อัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น โดยในบทความวันนี้ เราจะมาอธิบายว่า Parity หมายถึงอะไร แล้วมูลค่าความเท่าเทียมที่ว่านั้นมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?
อย่างที่เราได้บอกไปว่า Parity เป็นตัวบ่งบอกปัจจัยราคาของสินทรัพย์ 2 ตัวที่มีมูลค่าเท่ากัน โดยอาจจะเป็นหลักทรัพย์หรือสินค้าโภคภัณฑ์ก็ได้เช่นกัน ซึ่งช่วงที่มี Parity เกิดขึ้นคือจังหวะที่ตราสารการเงินทั้ง 2 มีมูลค่าเท่ากัน ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ จังหวะที่สินทรัพย์ทั้ง 2 มีความเท่าเทียมกันถือเป็นจังหวะที่มีโอกาสทำกำไรได้มากที่สุดเมื่อท่านแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ตัวหนึ่งกับสินทรัพย์อีกตัว หรือพูดง่ายๆ ก็คือเมื่อนักลงทุนเทรดสินทรัพย์ 2 ตัวที่มี Parity ซึ่งกันและกัน นั่นหมายความว่า สินทรัพย์ทั้ง 2 มีมูลค่าและราคาเท่ากัน โดยปัจจัยสำคัญที่ท่านควรรู้เกี่ยวกับ Parity ได้แก่:
ในแง่ของการเทรด Forex นักเทรดจะเข้าใจกันดีว่าจังหวะที่เกิด Parity คือ ช่วงที่ค่าเงินมีมูลค่าต่ำเกินจริง หรือมีมูลค่าสูงเกินจริง ทำให้นักลงทุนเฝ้ารอการกลับตัวและใช้โอกาสดังกล่าวในการทำกำไร พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อค่าเงินมีราคาต่ำเกินจริง ในไม่ช้าค่าเงินดังกล่าวจะมีการปรับตัวกลับขึ้นมาและพุ่งสวนทางกับตราสารอื่นๆ ที่มีมูลค่าสูงเกินจริง จะเห็นได้ว่านี่เป็นโอกาสทำกำไรแบบง่ายๆ ดังนั้น ท่านจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเทรดเสมอเมื่อตลาดเกิด Parity หรือสินทรัพย์มีมูลค่าเท่าเทียมกัน
ในฐานะนักเทรด Forex เราขอแนะนำให้ท่านใช้หลักการ PPP (Purchasing Power Parity หรือ ความเท่าเทียมของอำนาจการซื้อ) ซึ่งจะช่วยระบุได้ว่าค่าเงินใดที่มีมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนอยู่ต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม (Fair Price) หรือที่เรียกว่า Parity Value และอาจมีการกลับตัวพุ่งขึ้นมาในไม่ช้า โดยขั้นตอนการเทรดแบบ Parity นั้นง่ายมากๆ:
แน่นอนว่ากลยุทธ์การเทรด Parity อาจมาพร้อมกับความเสี่ยงไม่ต่างจากการเทรดรูปแบบอื่นๆ โดยข้อเสียที่ชัดเจนของการเทรดด้วยทฤษฎี PPP คือ ไม่สามารถนำไปใช้กับการเทรดระยะสั้นได้ เนื่องจากการเทรดรายวันนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยและสัญญาณในตลาดหลายๆ อย่างซึ่งยากมากที่จะยืนยันสัญญาณที่ชัดเจนได้ ทฤษฎี Parity จึงเหมาะสำหรับการเทรดระยะยาวเท่านั้น
ตัวอย่างการเทรดด้วยหลักการ Parity จะแตกต่างกันไปตามสินทรัพย์ที่ท่านเทรด ซึ่งถึงแม้ว่าหลักการนี้จะนำไปใช้ได้กับหลายๆ ตราสาร แต่มีตราสารส่วนใหญ่ที่เรานิยมใช้ ได้แก่:
Parity หมายถึง สินทรัพย์ 2 ตัวที่มีราคาและมูลค่าเท่ากัน โดยท่านสามารถนำหลักการนี้ไปใช้กับตราสารได้หลายประเภท เพื่อระบุว่าตราสารเหล่านั้นมีมูลค่าต่ำหรือสูงเกินจริง รวมถึงจับจังหวะที่ดีที่สุดในการแลกเปลี่ยนตราสารหนี้ที่ท่านถืออยู่ให้เป็นหุ้นแทน ทั้งนี้ เราขอย้ำเตือนอีกทีว่าหลักการนี้ไม่เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์การเทรดที่ไม่แน่นอนได้ แต่หากท่านนำหลักการ Parity ไปใช้กับการเทรดในระยะยาวก็จะก่อให้เกิดผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวได้อย่างแน่นอนครับ
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน