หากท่านกำลังมองหา อินดิเคเตอร์ ประสิทธิภาพดีที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค เพื่อเทรดอย่างปลอดภัยและทำกำไรอย่างมั่นคง เราเชื่อว่า Bullish flag pattern หรือรูปแบบธงขาขึ้นนั้นเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ท่านไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน โดย bullish flag นั้นจะสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวจำนวนมาก ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรดทำกำไรให้กับเทรดเดอร์ทุกท่าน (แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างเช่นกันก็ตาม) แต่โอกาสนั้นจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับทักษะการเทรด ประสบการณ์การเทรด และการรู้จักใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพิ่มเติมนั่นเองครับ
ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักว่า bullish pattern คืออะไร รวมไปถึงขั้นตอนง่ายๆ ในการสังเกต bullish pattern เพื่อใช้ร่วมกับเทคนิคอื่นๆ สำหรับการเทรดขาขึ้น
"Bullish flag" หรือ "ธงขาขึ้น" คือ รูปแบบความต่อเนื่องของราคาที่อยู่ในช่วงเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ซึ่งที่มาของชื่อแพทเทิร์นดังกล่าวก็เนื่องมาจากว่ามันมีลักษณะคล้ายธงนั่นเองครับ
เพื่อทำความเข้าใจหลักการทำงานของ bullish flag และมองให้เห็นภาพของรูปแบบดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ลองสังเกตลักษณะสำคัญของ bullish flag ซึ่งได้แก่:
จากลักษณะของรูปแบบที่ปรากฎบนกราฟราคา ทุกท่านคงพอทราบดีแล้วว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร ใช่แล้วครับ! แพทเทิร์นดังกล่าวเป็นกลยุทธ์เทรดด้วยโมเมนตัมนั่นเอง โดยแพทเทิร์น bullish flag มีข้อดีตรงที่ว่า มันสามารถใช้ได้กับทุกๆ กรอบเวลา (Timeframe) เลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น นักเทรดโมเมนตัมบางรายนิยมใช้กลยุทธ์ bullish flag ใน timeframe 2-5 นาที ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดด้วย กลยุทธ์ระยะสั้น (Scalping)
นักเทรด Swing ก็สามารถใช้ประโยชน์จากรูปแบบ bullish flag และใช้ในการเทรดจากกราฟรายวันได้เช่นกันครับ
นักเทรดมือใหม่บางท่านอาจมองว่าการสังเกตแพทเทิร์น bullish flag นั้นเป็นเรื่องยากเล็กน้อย เนื่องจากว่ามันมีหลายองค์ประกอบสำคัญที่เทรดเดอร์จะต้องพิจารณา ซึ่งการจะใช้รูปแบบดังกล่าวเพื่อเทรดให้ได้กำไรนั้น เทรดเดอร์จะต้องระบุองค์ประกอบต่างๆ เหล่านั้นอย่างถูกต้อง และทำความเข้าใจหลักการทำงานของ bullish flag ให้ละเอียด
ดังนั้น หากต้องการเทรดด้วย bullish flag ให้ได้กำไร เทรดเดอร์จะต้องพิจารณาสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้:
หลังจากที่ทุกท่านได้เรียนรู้วิธีการสังเกตองค์ประกอบของ bullish flag แล้ว เราเชื่อว่าท่านพร้อมจะใช้แพทเทิร์น bullish flag ร่วมกับกลยุทธ์เทรดอื่นๆ ที่ท่านถนัดแล้วล่ะ!
แม้ขั้นตอนในการสังเกตแพทเทิร์นอาจจะยากอยู่บ้างเล็กน้อย แต่สามารถนำมาใช้เทรดได้โดยไม่ยากเลยครับ แม้แต่นักเทรดหน้าใหม่ก็เทรดได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ไอเดียสำคัญ คือ การใช้ซอฟต์แวร์เทรดและเครื่องมือเทรดที่หลากหลาย เช่น เครื่องมือสแกน (Scanner) เป็นต้น ซึ่งมีทั้งเครื่องมือที่ต้องเสียเงินและไม่ต้องเสียเงิน แต่เชื่อเถอะครับว่านั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสุดท้ายแล้วอัลกอริทึมก็ทำงานได้ไม่ต่างกันอยู่ดี
สิ่งที่เทรดเดอร์ควรทำก็คือ การจับตาดูการเพิ่มขึ้นของวอลุ่มของหุ้นที่ท่านสนใจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยืนยันการเคลื่อนไหวของขาขึ้นอย่างต่อเนื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา และที่สำคัญ มันอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าราคากำลังจะ breakout ซึ่งเป็นจังหวะสำคัญในการทำกำไรนั่นเอง
อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่เทรดเดอร์ควรจับตาดูก็คือ เส้นที่ลาดชันลงซึ่งลากเชื่อมระหว่างจุด High หลายๆ จุดของกรอบรูปธงดังกล่าว ซึ่งเป็นเส้นที่ทำให้ท่านรับรู้จังหวะในการ breakout เมื่อราคาได้ทะลุเส้นดังกล่าวไป เพื่อทำยอดสูงสุดให้กับ bullish flag ถัดไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแพทเทิร์นนี้จะมีประโยชน์สำหรับการเทรดขาขึ้นเป็นอย่างมาก แต่เทรดเดอร์ก็ต้องไม่ลืมที่จะเทรดอย่างระมัดระวัง โดยท่านจะต้องจับจังหวะที่ดีที่สุดในการปิดออเดอร์ให้ได้ ซึ่งเทรดเดอร์ควรสังเกตว่าเมื่อไหร่ที่เทรนด์ขาขึ้นนั้นอาจสิ้นสุดลงในที่สุด
ท่านอาจใช้ 2 หลักการสำคัญที่แตกต่างกันในการรับมือกับกลยุทธ์เทรดดังกล่าว ซึ่งได้แก่:
ที่ MTrading เรารองรับทุกกลยุทธ์การเทรด ไม่ว่าจะเทรดด้วยกลยุทธ์แบบใด ท่านสามารถทดลองกลยุทธ์นั้นได้ด้วย บัญชีเดโม่ หรือ บัญชีจริง พร้อมเงื่อนไขการเทรดที่ดีที่สุดในตลาด
เชื่อเถอะครับว่า ไม่ว่าจะกลยุทธ์ใดก็มาพร้อมกับทั้งโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเทรดเดอร์แต่ละรายนั่นเองครับ แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า วิธีการใช้ bullish flag pattern เทรดให้ได้กำไรนั้น เทรดเดอร์จะต้องสังเกตและระบุองค์ประกอบของรูปแบบธงขาขึ้นให้ได้ โดยเมื่อท่านพบเห็นรูปแบบดังกล่าวในกราฟราคา รับรองได้เลยว่ากลยุทธ์นั้นไม่ใช่แค่ปลอดภัยแต่ยังทำกำไรได้จริงอย่างแน่นอน
ข้อดี:
ข้อเสีย:
โอ้! และอีกหนึ่งข้อดีที่น่าสนใจก็คือ bullish flag ยังมาพร้อมกับอัตรา Risk-reward ที่ดีเยี่ยมอีกด้วยล่ะ! แล้วอย่าลืมไปทดลองใช้กลยุทธ์การเทรดด้วย bullish flag กันล่ะครับ
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน