Stop hunting เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเทรด Forex ยอดฮิตที่นักลงทุนระยะสั้นๆ นิยมใช้เพื่อขยายกำไรให้มากขึ้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่เทคนิค Stop Hunt เป็นเทคนิคที่นักลงทุนรายใหญ่ที่มีเงินทุนหนานิยมใช้กัน ซึ่งถือเป็นเทคนิคที่ดีในการเพิ่มโอกาสกำไรให้มากขึ้น
หลักการสำคัญของเทคนิคนี้คือการที่เหล่าขาใหญ่ดันราคาไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งเพื่อหลอกให้นักเทรดรายย่อยสนใจเปิดออเดอร์ เป็นผลให้นักลงทุนรายใหญ่สามารถได้รับประโยชน์จากโมเมนตัมที่เพิ่มขึ้นและโอกาสในการทำกำไร ด้วยหลักการที่มาจากออเดอร์หยุดการขาดทุนหรือ Stop-loss นั่นเอง
เทคนิคคือการสร้างสถานการณ์ตลาดให้นักเทรดรายย่อยต้องเปิดออเดอร์แบบเร่งด่วนซึ่งก็คือคำสั่งตลาดหรือ Market order เนื่องจากราคาจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทำให้นักเทรด Forex หรือ Crypto ต้องการคว้าจังหวะในการเข้าตลาดให้ได้เร็วที่สุด ขณะที่รายใหญ่เป็นฝ่ายรอทำกำไรอยู่นั่นเอง
ในบทความวันนี้ เราจะมาอธิบายหลักการของกลยุทธ์ Stop hunting ที่นักเทรดรายใหญ่นิยมใช้กัน พร้อมสัญญาณในการเกิด Stop hunting ที่รายย่อยต้องระวัง
ความแตกต่างจากกลยุทธ์ Forex แบบอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะอาศัยอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค, เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ และข้อมูลเชิงลึกของตลาดเป็นหลัก แต่การเทรดแบบ Stop hunting เป็นแรงซื้อขายที่ทำให้เกิดโมเมนตัมจำนวนมากของนักลงทุนรายใหญ่ เพื่อดันให้ราคาสินทรัพย์ในระดับที่กำหนด ขณะที่คำสั่งซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่จะถูกดำเนินการตามคำสั่ง Stop loss ที่ตั้งไว้แล้วล่วงหน้า
กลยุทธ์นี้ส่งผลให้ตลาดเกิดความผันผวนหนักซึ่งบีบให้นักเทรดจำเป็นต้องดำเนินการตามคำสั่งต่างๆ ภายในสภาวะตลาดที่กล่าวมาข้างต้น
และนี่คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยบ่งบอกการ Stop hunting ในการเทรด Forex รายวัน:
เทคนิคนี้สามารถนำไปใช้ได้จริงในตลาดการเงินหลายแห่ง โดยจะใช้ได้ดีในตลาด Forex แบบรายวันหรือ Timeframe สั้นๆ โดยนักเทรด Crypto, Forex และหุ้นสามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้ได้
หลักการนี้มักใช้กับสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอย่างเร่งด่วนและไม่คาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการส่งคำสั่งหยุดการขาดทุนมากเกินไป โดยจะอาศัยความผันผวนสูงสุดในตลา เนื่องจากเป็นโอกาสในการซื้อขายที่มากขึ้น ไม่ว่าท่านวางแผนที่จะเปิดออเดอร์ซื้อหรือขายก็ตาม
ตัวอย่างการ Stop hunting: สมมติว่าบริษัท A กำลังซื้อขายหุ้นที่ 50 ดอลลาร์ โดยนักลงทุนเชื่อว่าราคาจะปรับลงในระยะสั้นๆ ซึ่งโดยปกติ นักเทรดส่วนใหญ่จะวางคำสั่งหยุดการขาดทุนที่ $49,99 เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน ในขณะเดียวกัน นักเทรดรายใหญ่จะคาดว่านักเทรดจำนวนมากจะขายหุ้นเหล่านี้ทันทีที่ราคาต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ ดังนั้นรายใหญ่จะสร้างสถานการณ์ตลาดให้ราคาลดลง เพื่อฉวยโอกาสรับผลประโยชน์จากราคาที่ลดลง หรือแม้กระทั่งในจังหวะขาขึ้นเนื่องจากนักเทรดคาดว่าราคาจะเด้งกลับไปที่ช่วงก่อนหน้านั่นเอง
อย่างไรก็แล้วแต่ กลยุทธ์นี้อาจไม่ได้ง่ายอย่างที่คาดคิด เพราะไม่ใช่แค่การเลือกคำสั่งหยุดการขาดทุนที่ท่านสามารถสังเกตได้ชัดเจนเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นวิธีการที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องฝึกเทคนิคหรือทักษะเฉพาะอะไรให้วุ่นวาย เพียงแค่มีเงินทุนที่เพียงพอและความสามารถในการระบุจังหวะในการตั้งคำสั่งหยุดการขาดทุนที่เหมาะสม ด้วยเทคนิคง่ายๆ ดังนี้:
การหาจังหวะ Stop Hunt ในกราฟราคาจริงๆ นั้นค่อนข้างง่าย หากกำลังจับตาดูกราฟและเห็นว่ามีวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นขณะที่สินทรัพย์ก็มีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนในทิศทางต่างๆ อาจเป็นสัญญาณในการ Stop hunting
โดยส่วนใหญ่ นักเทรดรายย่อยจะไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในเล่ห์กลของเหล่าขาใหญ่ในตลาด โดยสถานการณ์จะชัดเจนก็ต่อเมื่อเกิดขึ้นจริงแล้วเท่านั้น แต่สัญญาณสำคัญของ Stop Hunt คือแนวรับและแนวต้านที่ดูผิดปกติ ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาจะมีการกลับตัวอย่างรวดเร็ว
นอกจากการเบรคหลอก ท่านอาจสังเกตเห็นปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากรายใหญ่กำลังผลักดันตลาดและเพิ่มวอลุ่มการเคลื่อนไหวของราคาเข้าไป ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการ Stop Hunt ซึ่งเกี่ยวข้องกับคำสั่งหยุดการขาดทุนหลายคำสั่งที่ทำงานพร้อมกันและแปลงเป็นคำสั่งขายอย่างรวดเร็ว
เมื่อจู่ๆ ราคาเกิดกลับตัว นักเทรดรายใหญ่มักจะปิดคำสั่งขาย ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันให้กับแรงซื้อในตลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรายย่อยอาจมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะโต้ตอบกับสภาวะตลาดเหล่านี้ เนื่องจากเกิดขึ้นเร็วมากและมีความผันผวนอย่างมาก
Stop Hunting เป็นเทคนิคที่ดำเนินการโดยนักเทรดรายใหญ่โดยอาศัยความพยายามในการค้นหาผลกำไรระยะสั้น และผลักดันให้นักเทรดรายย่อยปิดออเดอร์การซื้อขายเนื่องจากสภาวะตลาดแบบหลอกๆ โดยหลักการสำคัญคือการกระตุ้นให้คำสั่งหยุดการขาดทุนถูกดำเนินการจากวอลุ่มและราคาที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว เป็นโอกาสให้รายใหญ่เข้าเปิดออเดอร์ได้ ณ ตำแหน่งที่ดีกว่าในที่สุด
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน