สวัสดีครับเทรดเดอร์ทุกท่าน วันนี้เราจะมาพูดคุยกันว่ากลยุทธ์ Heiken Ashi สำหรับการเทรดรายวันคืออะไร, เหล่าเทรดเดอร์มืออาชีพใช้กลยุทธ์นี้ในการเทรดอย่างไร, วิธีการอ่านกราฟ Heiken Ashi เพื่อประกอบการตัดสินใจเทรด, วิธีการคำนวณสูตร Heiken Ashi รวมถึงตัวอย่างการใช้กลยุทธ์ Heiken Ashi ในการเทรด Forex รับรองได้เลยว่าอ่านจบแล้ว ท่านจะเข้าใจกลยุทธ์นี้มากขึ้นอย่างแน่นอน
ประเด็นสำคัญ
Heiken Ashi ในภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า 'แท่งเทียนค่าเฉลี่ย' ซึ่งมักใช้ในระบบเทรดเพื่อระบุค่าเฉลี่ยของราคา จากนั้นจึงใช้สร้างกราฟแท่งเทียนขึ้นมา ที่เทรดเดอร์มืออาชีพนิยมใช้กลยุทธ์นี้ก็เพราะว่ามันสามารถลด 'Noise' หรือ 'สัญญาณรบกวนในตลาด' ได้ (ซึ่งเป็นข้อมูลราคาที่อาจมีการผิดเพี้ยนหรือส่งผลต่อความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดที่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก)
การใช้กลยุทธ์ Heiken Ashi ทำให้เทรดเดอร์สามารถมองภาพรวมของตลาด, แนวโน้ม หรือเทรนด์ในตลาด และความเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากขึ้นนั่นเองครับ
นอกจากนั้นเทรดเดอร์ยังใช้กลยุทธ์นี้ในการจับจังหวะการเทรดว่าจะ Buy หรือ Sell และจังหวะใดที่ควรเว้นจังหวะการเทรด เพราะเทคนิคนี้จะเป็นตัวบ่งบอกจังหวะที่ราคาอาจเกิดการกลับตัวและอาจชะงักการเคลื่อนที่ในทิศทางนั้นๆ ชั่วคราว ทำให้เทรดเดอร์สามารถแก้เกมการเทรดและปรับเปลี่ยนการตั้งออเดอร์เทรดได้ในที่สุด
ลักษณะสำคัญที่ทำให้กลยุทธ์ Heiken Ashi แตกต่างจากเทคนิคแท่งเทียนตามแบบฉบับของญี่ปุ่นเทคนิคอื่นๆ ก็คือ กลยุทธ์นี้ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการนำราคา High-Low และราคา Open และ Close มาคำนวณใหม่นั่นเอง
นั่นหมายความว่าเทคนิคนี้จะทำให้เทรดเดอร์เข้าใจภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น และมองออกได้ง่ายขึ้นว่าจังหวะไหนที่มีเทรนด์ และจังใดที่ราคาอาจกลับตัว
ประเด็นสำคัญ
ข้อแตกต่างที่ชัดเจนเลยระหว่างกราฟแท่งเทียนทั่วไปกับกราฟ Heiken Ashi ก็คือเรื่องของสัญญาณรบกวนในตลาด ซึ่งกราฟ Heiken Ashi จะปราศจาก noise ดังกล่าว
ทำให้เกิดกราฟแท่งเพิ่มมากขึ้น ที่ประกอบไปด้วยสีแท่งเทียนเช่นเดิม (เช่น สีแดงสำหรับขาลง และสีน้ำเงินสำหรับขาขึ้น) รวมทั้งยังมีระยะห่างระหว่างแท่งเทียนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ท่านจะสังเกตได้ว่ากราฟ Heiken Ashi ทำให้เราสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของราคาได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้การตัดสินใจเทรดจากรูปแบบราคาเหล่านั้นเป็นเรื่องง่ายตาม
และอีกหนึ่งข้อแตกต่างระหว่างกราฟ Heiken Ashi กับกราฟแท่งเทียนทั่วไปก็คือ แท่งเทียนเหล่านั้นจะไม่เปลี่ยนสีหากราคามีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย แต่จะเปลี่ยนแค่เมื่อราคามีการปรับเปลี่ยนทิศทางที่ชัดเจนเท่านั้น จึงทำให้ท่านจับความเคลื่อนไหวของราคาและตัดสินใจเทรดได้อย่างแม่นยำ
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ราคาจะเริ่มขึ้น ณ ระดับราคาปิดของหน้าต่างกราฟก่อนหน้า แต่กราฟ Heiken Ashi เริ่มขึ้น ณ จุดตรงกลางของแท่งเทียนราคาในหน้าต่างกราฟดังกล่าว
แท่งเทียน Heiken Ashi แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่:
เทียน bullish จะมีไส้เทียนอยู่ด้านบนแท่งเทียน แต่จะไม่มีไส้เทียนปรากฎที่ด้านล่างของแท่งเทียน
ในขณะที่แท่งเทียน indecision หลายๆ คนก็อาจพอเดาได้จากชื่อว่าเป็นแท่งเทียนที่บอกทิศทางที่ชัดเจนไม่ได้มากเท่าไหร่นัก โดยเทรดเดอร์ควรมองข้ามสีที่ปรากฎขึ้น แต่ให้โฟกัสไปที่ไส้เทียนของแท่งเทียนเหล่านั้นแทน ซึ่งหากท่านสังเกตเห็นไส้เทียนทั้ง 2 ฝั่งของแท่งเทียน นั่นหมายความว่ามันคือแท่งเทียน indecision นั่นเอง
และสุดท้ายก็คือแท่งเทียน bearish ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องเป็นแท่งเทียนที่ตรงกันข้ามกับแท่งเทียน bullish แน่ๆ โดยสังเกตได้จากไส้เทียนที่จะอยู่ด้านล่างของแท่งเทียนแทน
Heiken Ashi มีสูตรการคำนวณโดยใช้ข้อมูลจากราคาเปิด (open) และราคาปิด (close) ของระยะการเทรดก่อนหน้า รวมทั้ง open/close และราคา high/low ในปัจจุบันด้วยเช่นกัน
สูตรการคำนวณมีดังนี้
(ใช้ข้อมูลจากราคาปัจจุบัน)
(ใช้ข้อมูลจากราคาก่อนหน้า)
โดยทั่วไปแล้ว กลยุทธ์ Heiken Ashi จะใช้ในการระบุจุดที่เทรนด์อาจมีการกลับตัวเป็นขาขึ้นหรือขาลง (เช่น การเคลื่อนที่ไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับทิศก่อนหน้า)
และด้วยประสิทธิภาพในการคัดกรอง noise ของตลาดออก ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากกลยุทธ์นี้มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก เทรดเดอร์สามารถมั่นใจในสัญญาณเทรดและตัดสินใจเทรดได้ง่ายขึ้นแน่นอนครับ
ยิ่งไปกว่านั้น กลยุทธ์นี้ยังช่วยให้เทรดเดอร์ถือออเดอร์ไว้ได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยนักเทรดที่เทรดระยะสั้นก็จะไม่ปิดออเดอร์เร็วจนเกินไป หรือนักเทรดระยะยาวก็จะไม่ถือออเดอร์นานจนเกินไปนั่นเอง
เทรดเดอร์อาจต้องเทรดอย่างระมัดระวังและไม่ประมาท เมื่อสังเกตเห็น 'แท่งเทียนเล็กๆ' ในกราฟราคา โดยเทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้แท่งเทียนเหล่านี้ในการจับจังหวะที่ราคาอาจหยุดชะงักการเคลื่อนที่ไปในทิศทางนั้นๆ ชั่วคราว หรือราคาอาจเกิดการกลับตัว ทำให้พวกเขาสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางการเทรดได้ทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม บางครั้งหากราคามีการหยุดเคลื่อนไหวชั่วคราว การยึดตามเทรนด์เอาไว้ก็จะเป็นการดีกว่า เพราะจังหวะแบบนี้มักเกิดขึ้นในตลาดอยู่บ่อยครั้ง และเทรดเดอร์เองก็อาจคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาได้ผิดพลาดอยู่เป็นประจำเช่นกัน ซึ่งก็อาจทำให้ท่านเสียโอกาสในการเทรดชนะไปง่ายๆ ในทันที
นี่อาจเป็นกลยุทธ์เทรด Heiken Ashi ที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ เพราะมันให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจมากๆ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านสังเกตเห็นแท่งเทียนที่มีไส้เทียนอยู่ด้านล่าง นั่นจะเป็นการส่งสัญญาณว่ามีโอกาสสูงที่อาจเกิดเทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแกร่งเกิดขึ้น ซึ่งยิ่งแท่งเทียนนั้นมีความยาวมากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าเทรนด์ก็จะมีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น
เอาล่ะครับ! เมื่อท่านเข้าใจหลักการพื้นฐานของกลยุทธ์ Heiken Ashi แล้ว ทำไมไม่ลองทดสอบความรู้และทักษะในการเทรดของท่านด้วยบัญชีเดโม่ของ MTrading ดูล่ะครับ? ^_^
ท่านสามารถลงทะเบียนได้ฟรี และใช้แพลตฟอร์มเทรดจริงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ยังคงเทรดได้ในสภาวะตลาดจริงแบบเรียลไทม์ด้วยนะ ช้าก่อน… อย่าเพิ่งรีบสงสัยล่ะครับ
เราขออธิบายให้ท่านเข้าใจแบบง่ายๆ ว่า ท่านสามารถเทรดแบบจำลองในตลาดโดยใช้เงินจำลองที่เรามอบให้ แต่ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลสดๆ ของตลาดได้แบบเรียลไทม์ ที่เหลือก็เป็นโอกาสของท่านในการฝึกฝนทักษะและพัฒนาระบบเทรดของท่านให้สมบูรณ์แบบ ก่อนที่ท่านจะเปลี่ยนมาเทรดทำกำไรด้วยบัญชีจริง
เพิ่มประสบการณ์การเทรดของท่านให้เพียงพอ และเมื่อท่านพร้อมก็ค่อยเปลี่ยนมาลงทุนด้วยเงินจริงผ่านบัญชีจริง!
จะใช้แท่งเทียนแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับความถนัดในการเทรด, เทคนิคเทรดอื่นๆ ที่ท่านใช้, ระบบเทรดของท่าน รวมถึงมุมมองตลาดที่ท่านสนใจ หากท่านเป็นนักเทรดระยะสั้น และเข้าออกออเดอร์เทรดอยู่บ่อยๆ การใช้แท่งเทียนญี่ปุ่นแบบทั่วไปก็อาจจะดีกว่า
แต่ถ้าหากท่านเป็นนักเทรดระยะยาว แท่งเทียน Heiken Ashi ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี เทรดเดอร์อาจปรับใช้แท่งเทียนทั้ง 2 รูปแบบได้ แตกต่างกันไปตามสถานการณ์และสภาวะของตลาดเลยล่ะครับ เพราะอย่างไรแล้วการเข้าใจกราฟอย่างแม่นยำและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องก็จะยิ่งเป็นการการันตีโอกาสในการเทรดที่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน