การทำ Hedging ในตลาดการเงินเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การลงทุน โดยนักลงทุนส่วนใหญ่จะทำการ Hedging ในรูปแบบของการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures contract) เนื่องจากกลยุทธ์นี้ช่วยป้องกันการเทรดขาดทุนได้ พูดง่ายๆ ก็คือการ Hedging จะช่วยลดปริมาณการขาดทุน และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนรูปแบบอื่นๆ
เอาล่ะ! ก่อนจะไปดูกันชัดๆ ว่า Hedge คืออะไร? แล้ว Hedging มีหลักการอย่างไร? มาพูดถึงกลยุทธ์นี้แบบคร่าวๆ กันก่อน การ Hedge เป็นเทคนิคในการลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยให้กับการลงทุน โดยการเปิดคำสั่งซื้อที่ให้ผลลัพธ์เป็นบวกไปหักล้างกับที่ขาดทุนเพื่อปรับพอร์ตให้กลับมาสมดุล จะว่าเป็นหลักประกันความปลอดภัยในพอร์ตหุ้นก็ยังได้
การ Hedge เป็นเหมือนแผนรองรับความเสี่ยงที่นักลงทุนใช้ในการคุ้มครองความเสี่ยงจากการลงทุน การเทรดตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบการ Hedge โดยการทำสัญญาซื้อขายที่มีการระบุราคาไว้ล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ถือหุ้นขาดทุนจากราคาหุ้นที่กลับตัวแบบไม่ทันตั้งตัว
วิธีการลดความเสี่ยงจากมูลค่าตราสารที่ลดลง คือ การหาสมดุลราคาก่อนเริ่มลงทุน นี่จึงเป็นสาเหตุที่นักลงทุนหลายรายเลือกเทรด สัญญา Futures เนื่องจากสามารถทำข้อตกลงเกี่ยวกับราคาซื้อขายหุ้นล่วงหน้าได้โดยไม่ต้องมาคอยกังวลปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในตลาด โดยหากราคาหุ้นร่วง ฝั่งขายก็ยังสามารถทำกำไรได้ดี และฝั่งซื้อก็สามารถซื้อหุ้นได้ในราคาถูก ณ จังหวะที่หุ้นตก โดยที่ฝ่ายขายเองก็ไม่ได้เสียผลประโยชน์ใดๆ
นักเทรด Hedger หรือผู้ที่ใช้กลยุทธ์การ Hedge มีเทคนิคและวิธีการที่แตกต่างกัน โดยนักเทรด Hedge มืออาชีพมักจะนำเทคนิคหลายๆ แบบมารวมกันเพื่อให้ผลลัพธ์นั้นออกมาดีที่สุด ซึ่งหลักการ Hedging โดยทั่วไปที่นิยมใช้กัน ได้แก่:
นอกจากท่านจะนำกลยุทธ์ Hedging ไปใช้ในตลาดหุ้นแล้ว ท่านยังสามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้เทรด สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมัน, แก๊ส, ผลิตภัณฑ์ต่างๆ), หลักทรัพย์ (พันธบัตร หรือหุ้น) หรือแม้กระทั่งคู่เงินก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็แล้วแต่ ท่านควรสังเกตสภาวะตลาด รวมทั้งความเคลื่อนไหวของราคาให้ดีทุกครั้งก่อนทำการ Hedging นะครับ
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน