การเทรดในตลาดการเงินนั้นมีความท้าทายมากพอสมควร เนื่องจากมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่อาจส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำกำไรของท่าน ท่านจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือตัวช่วยในการลบสัญญาณรบกวนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกราฟแท่งเทียนราคาแต่ละกราฟ แต่อย่าเพิ่งรีบกังวลไปล่ะครับ เพราะกลยุทธ์ Renko ช่วยท่านได้แน่นอน! เนื่องจากกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยเทรดโดยการโฟกัสราคาที่แยกตัวออกมาจากเทรนด์ รวมถึงตัดองค์ประกอบด้านเวลาออกไป (หรือไม่เอาเวลามาคำนวณนั่นเอง) ดังนั้น กราฟ Renko จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เทรดอยู่ในตลาดการเงินอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งได้แก่ นักเทรดระยะสั้น (Scalper) และนักเทรดรายวัน (Day trader) เป็นต้น
จุดเด่นหลักๆ ของกลยุทธ์ Renko ก็คือความสามารถในการวิเคราะห์พฤติกรรมราคา (Price action) โดยไม่จำเป็นต้องเอาเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องเลยครับ และที่สำคัญเทรดเดอร์ยังสามารถใช้กลยุทธ์นี้ในการเทรดตราสารการเงินได้ทุกประเภทอีกต่างหาก โดยในบทความวันนี้ เราจะมาแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับกลยุทธ์ Renko เพื่อใช้ในการเทรด Forex รวมถึงเคล็ดลับในการอ่านกราฟ Renko แบบที่เรียกได้ว่ามีประโยชน์ต่อการเทรดของท่านแบบสุดๆ ไปเลยทีเดียวล่ะ!
เช่นเดียวกับกลยุทธ์เทรดประเภทอื่นๆ กลยุทธ์ Renko เองก็ต้องอาศัยการใช้กราฟราคาในการวิเคราะห์การเทรดเช่นกัน แต่ก่อนที่เราจะไปลงลึกถึงวิธีการวิเคราะห์ราคาด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว ลองมาศึกษากันก่อนว่ากราฟ Renko มีหลักการทำงานอย่างไร รวมถึงกราฟประเภทนี้มีข้อมูลอะไรให้เราติดตามได้บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้กราฟประเภทนี้แตกต่างจากกราฟประเภทอื่นๆ (เช่น กราฟญี่ปุ่น หรือ Japanese chart) อย่างชัดเจนเลยก็คือกราฟ Renko จะอาศัยการคำนวณจากความเคลื่อนไหวของราคาที่มาพร้อมกับผลการวัดอย่างแม่นยำเท่านั้น ซึ่งต่างจากกราฟอื่นๆ ที่ต้องอาศัยทั้งวอลุ่ม (Volume), ราคา และเวลานั่นเอง
หากดูจากกราฟราคา ท่านจะสังเกตได้ว่ากราฟแต่ละแท่งจะมีลักษณะคล้ายก้อนอิฐ ซึ่งเป็นสาเหตุที่เราเรียกกราฟชนิดนี้ว่า Renko นั่นเองครับ (Renko ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “อิฐ”) ดังนั้น หากจะพูดว่าเทรดเดอร์กำลังเทรดด้วยกราฟอิฐก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก ขอท้าวความก่อนว่ากลยุทธ์ Renko นี้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดย Steve Nison ซึ่งเป็นผู้ที่คิดค้นและพัฒนาแพทเทิร์นแท่งเทียนมากมายที่เราใช้กันในปัจจุบัน โดยบางท่านอาจสับสนระหว่างกราฟ Japanese และกราฟ Renko เนื่องจากกราฟทั้ง 2 นั้นมีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่สังเกตความแตกต่างง่ายๆ ก็คือกราฟ Renko จะเป็นก้อนอิฐที่มีลักษณะเล็กกว่า ซึ่งทำให้เทรดเดอร์สามารถอ่านกราฟ Renko ได้โดยง่าย และช่วยให้ตัดสินใจเทรดภายในระยะเวลาอันรวดเร็วได้ทันที
จริงอยู่ที่ว่ากลยุทธ์ Renko นั้นจะใช้สำหรับการเทรดรายวันเป็นส่วนใหญ่ แต่กลยุทธ์ดังกล่าวสามารถใช้เทรด forex ได้ทุกกรอบเวลา (Timeframe) เลยล่ะครับ โดยหลักการทำงานสำคัญเลยก็คือการช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจและระบุบริเวณการเคลื่อนที่ของตลาดได้
แต่การจะเทรดด้วยกลยุทธ์ Renko นั้น ท่านจะต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของกราฟก้อนอิฐ Renko ให้ดีเสียก่อน ดังนี้
หลายๆ ท่านคงพอทราบดีแล้วว่ากราฟ Renko นั้นเป็นกราฟแท่งเทียนที่แตกต่างจากกราฟญี่ปุ่นทั่วไป ด้วยลักษณะแท่งเทียนที่ดูคล้ายกับก้อนอิฐที่ใช้ในการก่อสร้างนั่นเองครับ โดยก้อนอิฐแต่ละก้อนจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีขนาดเท่าๆ กันตามที่เทรดเดอร์กำหนด
ด้วยแท่งเทียนรูปอิฐแต่ละแท่งที่มีขนาดเท่าๆ กัน ทำให้เทรดเดอร์สามารถอ่านกราฟชนิดนี้ได้แบบไม่ยาก โดยก้อนอิฐนั้นจะมีทั้งสีแดงและสีเขียวซึ่งเคลื่อนที่ไปในทิศทางต่างๆ ตามค่าของก้อนอิฐแท่งก่อนหน้า ซึ่งการเคลื่อนที่ในแต่ละทิศทางจะเป็นสัญญาณเตือนที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจว่าแนวโน้มหรือเทรนด์กำลังจะเปลี่ยนแปลงนั่นเอง ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีในการระบุ จังหวะในการเข้าเทรด
เทรดเดอร์สามารถกำหนดระดับราคาสำหรับก้อนอิฐแต่ละก้อนบนกราฟได้ ซึ่งท่านสามารถปรับแต่งระดับราคาได้ เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณากราฟตามรูปแบบตราสารการเงินแต่ละรายการ รวมถึงเป้าหมายในการเทรดของท่าน อย่างไรก็ตาม นักเทรดมืออาชีพส่วนใหญ่มักแนะนำให้ใช้ Indicator อย่าง ATR (Average True Range) ร่วมด้วย เนื่องจากกราฟ Renko จัดเป็นตัวชี้วัดตาม หรือ Lagging indicator นั่นเองครับ
นักเทรดมือใหม่หลายรายอาจประสบกับความยากลำบากในการใช้กลยุทธ์ Renko เมื่อเพิ่งเริ่มใช้กลยุทธ์นี้เป็นครั้งแรก โดยความท้าทายในการใช้กลยุทธ์ Renko ก็คือการกำหนดขนาดของก้อนอิฐให้มีขนาดที่เหมาะสมนั่นเอง ซึ่งหากท่านกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านั้นอยู่ล่ะก็… ลองทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ครับ
หากท่านคิดว่าท่านพอรับมือกับการเทรดใน timeframe สั้นๆ ด้วยขนาดสัญญาที่ไม่ใหญ่มาก แต่อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย ท่านก็อาจใช้แท่งเทียน Renko ที่มีขนาดเล็กลง ในขณะเดียวกัน หากท่านต้องการเปิดสัญญาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ที่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต่ำลง ท่านก็อาจจะต้องใช้แท่งอิฐที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั่นเอง สรุปง่ายๆ ก็คือก้อนอิฐของนักเทรดแต่ละรายนั้นจะมีขนาดแตกต่างกันไปตามสไตล์การเทรดและเป้าหมายการเทรดของนักเทรดคนนั้นๆ แล้วก้อนอิฐของท่านมีขนาดเท่าไหร่กันบ้าง? ลองมาแชร์ให้เราฟังด้วยล่ะ! สุดท้าย... ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการเทรดเสมอ และทำกำไรได้ตามที่ท่านต้องการเลยนะครับ ^__^
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน