โดยทั่วไปนักเทรดสามารถซื้อและขายหุ้นในช่วงเวลาซื้อขายปกติที่กำหนดโดย NYSE, NASDAQ และแพลตฟอร์มซื้อขายอื่นๆ อย่างไรก็ตาม มีนักเทรดบางส่วนที่ใช้โอกาสทำธุรกรรมและเทรดก่อนหรือหลังตลาดเปิด ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงข้อดีและข้อเสียของการซื้อขายล่วงหน้า (Premarket) ซึ่งเป็นแนวคิดของการซื้อและขายสินทรัพย์ก่อนตลาดเปิดไปแล้ว
คราวนี้ เราจะมาอธิบายข้อดีและข้อเสียของกลยุทธ์การซื้อขายหุ้นหลังเวลาทำการ (After-hour stock trading) ซื่งให้ท่านสามารถซื้อหรือขายในช่วงปิดตลาดหลังชั่วโมงการซื้อขายปกตินั่นเอว
จากชื่อคงเดาไม่ยาก กลยุทธ์นี้เป็นการซื้อขายหุ้นนอกเวลาทำการ (After-hours trading) ซึ่งนักลงทุนจะใช้โอกาสในการซื้อและขายสินทรัพย์เมื่อการซื้อขายปกติในตลาดหลักทรัพย์สิ้นสุด โดยทั่วไป ชั่วโมงซื้อขายปกติจะอยู่ที่ระหว่าง 9:30 น. ถึง 16:00 น. อย่างไรก็ตาม หากท่านต้องการซื้อขายหุ้นนอกเวลาที่ว่านี้ ท่านสามารถเลือกเครือข่ายการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ทำให้สามารถดำเนินการนอกกำหนดเวลาปกติได้
ต่างจากช่วง Premarket ที่นักลงทุนพยายามเข้าตลาดก่อนตลาดเปิดสักหนึ่งชั่วโมง แต่การซื้อขายหุ้นหลังเวลาทำการไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา ท่านสามารถการดำเนินการใดๆ หลังจากตลาดปิดำแจนถึงเช้าวันถัดไป กล่าวคือกลยุทธ์นี้ทำให้สามารถซื้อและขายสินทรัพย์ได้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ถึง 8.00 น. เลยทีเดียว
เช่นเดียวกับการซื้อขายช่วง Premarket หลักการสำคัญของเทคนิคนี้คือการเฝ้าติดตามข่าวสารและประกาศต่างๆ อย่างเร่งด่วน เพราะบางครั้งบริษัทอาจแถลงหรือเผยแพร่ข่าวสำคัญ (เช่น ซีอีโอกำลังจะลาออก) ในช่วงเวลา 17.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดปิดไปแล้ว ดังนั้น หากท่านจะใช้ประโยชน์จากข่าวดังกล่าว ก็ต้องมองหาแพลตฟอร์มการเทรดที่เปิดโอกาสให้เทรดนอกเวลาได้นั่นเอง
กลยุทธ์นี้ก็อาจมาพร้อมความเสี่ยงไม่ต่างจากกลยุทธ์อื่นๆ โดยความเสี่ยงที่ว่านี้หมายถึง:
ข้อดีที่สำคัญของการซื้อขายหุ้นนอกเวลาทำการก็คือโอกาสที่จะทำกำไรได้ในช่วงที่ตลาดปิดไปแล้วนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวสำคัญ, รายงานรายได้ และแถลงการณ์ที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้น นอกจากนี้ นักเทรดที่ไม่มีเวลาว่างในชั่วโมงปกติก็สามารถเทรดในช่วงเวลาเหล่านี้ได้ อย่างไรก็แล้วแต่ นักเทรดจะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงตลอดจนความผันผวนของราคาให้ดีก่อนตัดสินใจเทรดด้วยกลยุทธ์นี้
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน