4 วิธีรับมือกับตลาดคริปโตช่วงขาลง

มีนักเทรดมือใหม่หลายรายที่ได้กำไรจากตลาดขาขึ้น (Bullish market) แต่ในขณะเดียวกัน มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะช่วงขาลง (Bear market) ของตลาดคริปโต หรือที่เรียกว่า Crypto winter ได้ สภาวะตลาดดังกล่าวได้ก่อให้เกิดช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเหล่านักลงทุน ทำให้นักลงทุนตัดสินใจหนีจากตลาดเนื่องจากไม่สามารถป้องกันการขาดทุนได้ ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่ตลาดคริปโตมีการปรับตัวลง ก็มักจะย่อหนักกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา

แต่อย่าเพิ่งท้อใจ วันนี้เรามีวิธีเอาชนะตลาดคริปโตในช่วงขาลงมาแนะนำทุกท่าน เพื่อให้ท่านยังหาโอกาสทำกำไรได้แม้ในช่วงวิกฤต โดยในบทความวันนี้ เราจะมาพูดถึง 4 เคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้นักเทรดไม่พลาดโอกาสทำกำไรแม้ในจังหวะที่ตลาดดิ่งหนัก

ขาลงตลาดคริปโตหมายความว่ายังไง?

ตลาดหมี (Bear market) หรือตลาดคริปโตในช่วงขาลง หมายถึง จังหวะที่มูลค่าคริปโตร่วงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจังหวะที่นักเทรดขาดทุนหรือที่เรียกว่าติดดอยนั่นเอง โดยอาจเกิดจากอุปทานที่สูงเกินความต้องการของตลาด ทำให้บรรดานักเทรดตัดสินใจที่จะเทขายเหรียญที่ถืออยู่ทิ้งเพราะกังวลว่าจะขาดทุนไปมากกว่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อทุกคนพร้อมใจกันขาย มูลค่าก็ยิ่งดิ่งหนักกว่าเดิม

Crypto Winter คืออะไร?

เราเรียกตลาดคริปโตขาลงอีกอย่างว่า “ฤดูหนาวของคริปโต (Crypto winter)” ซึ่งหมายถึงจังหวะที่สภาวะตลาดเปลี่ยนเป็นขาลงเป็นเวลานานๆ โดยอาจนานถึงหลายเดือนที่มูลค่าของเหรียญต่างๆ ร่วงถึงจุดวิกฤต

โดยทั่วไป นักลงทุนต้องเผชิญกับราคาปรับลดลงอย่างหนักในช่วงฤดูหนาวของคริปโต จากสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างปี 2018 ถึง 2020 ที่มูลค่า BTC ทรุดหนักประมาณ 80% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเมื่อไม่นานมานี้ฤดูหนาวได้มาเยือนตลาดคริปโตอีกครั้ง โดยมีเหรียญหลักที่มูลค่าลดลงถึง 90% เมื่อเทียบกับราคา ATH

แน่นอน ไม่ว่าเหรียญจะมีความเสถียรมากน้อยแค่ไหน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ทุกเหรียญอาจเผชิญกับช่วงวิกฤตดังกล่าว แม้ว่าท่านจะลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุดก็ตาม

7 ขั้นตอนในการฝ่าวิกฤตขาลงของตลาดคริปโต

ทันทีที่นักเทรดสังเกตเห็นสัญญาณขาลงของตลาดคริปโต หรือเห็นแนวโน้มที่ฤดูหนาวของคริปโตกำลังมาเยือน ท่านควรลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนให้ทันการณ์ โดยวิธีการที่ง่ายที่สุดคือการหมั่นติดตามราคา BTC ในช่วงขาลงอยู่เสมอ เนื่องจากจะส่งผลโดยตรงต่อมูลค่า Bitcoin และใช้เป็นตัวบอกสัญญาณที่เหรียญอื่นๆ อาจมีมูลค่าที่ลดลงตาม

ผู้เชี่ยวชาญหลายรายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า วิธีเดียวที่จะอยู่รอดในตลาดคริปโตเมื่อฤดูหนาวมาเยือน คือการนั่งและอดทนรอให้นานที่สุดจนกว่าพายุจะผ่านไป ที่สำคัญ ผู้ที่ไม่พร้อมจะเผชิญความเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงตลาดขาลง

เอาล่ะ! ลองมาดูเทคนิคการอยู่รอดในช่วงขาลงของตลาดคริปโตกันดีกว่า:

1. ทำใจให้สงบ

นอกจากจะตัดสินใจเกี่ยวกับการดำการออเดอร์ต่างๆ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่ต้องทำคือการควบคุมอารมณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดด้วยอารมณ์ซึ่งส่วนใหญ่มักจะนำไปสู่ความล้มเหลวในการเทรด และอย่าเพิ่งกังวลมากจนเกินไป เพราะบ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นว่ามูลค่าของสกุลเงินดิจิตอลมีการดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

2. เลี่ยงการช้อนซื้อ

แม้แต่นักเทรดที่มีประสบการณ์ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าวิกฤตของตลาดจะสิ้นสุดตอนไหน แน่นอนว่าไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าสินทรัพย์ต่างๆ จะร่วงต่ำสุดเท่าไหร่ แต่ก็สามารถใช้อินดิเคเตอร์ต่างๆ รวมถึงอ่านกราฟราคาเพื่อช่วยวิเคราะห์ทิศทางตลาดได้

ทั้งนี้ หลายๆ ครั้งที่การตัดสินใจตามสัญชาตญาณของท่านอาจนำไปสู่หายนะ ที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือเมื่อราคาร่วงหนัก นักเทรดจะรีบช้อนซื้อซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดและห้ามทำโดยเด็ดขาด เพราะราคาอาจมีการปรับลงได้อีกซึ่งเมื่อราคาร่วงหนักก็อาจทำให้ท่านขาดทุนได้ทั้งหมด

3. ใช้กลยุทธ์ DCA

กลยุทธ์ DCA หรือ Dollar-cost averaging เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ แม้ในช่วงที่ตลาดร่วงหนัก โดยมีหลักการง่ายๆ คือการซื้อเหรียญทีละน้อยๆ ไปเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม

4. อย่าชอร์ต (Short sell) เด็ดขาด!

การชอร์ต (Short sell) หมายถึง การทำกำไรจากราคาคริปโตที่ย่อลง ซึ่งบางท่านอาจคิดว่าวิธีนี้เหมาะจะใช้ทำกำไรในช่วงตลาดขาลง แต่ในความเป็นจริง กลยุทธ์นี้อาจทำให้ท่านขาดทุนหนักได้เช่นกัน หากราคามีการปรับตัวขึ้น

ไม่ว่าสถานการณ์ในตลาดขาลงจะแย่แค่ไหน สิ่งสำคัญคือนักเทรดจะต้องควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในความสงบ และอย่าเพิ่งตัดสินใจใดๆ แบบเร่งด่วน แต่ลองวิเคราะห์โอกาสและความเคลื่อนไหวของตลาดให้ดี เพราะอย่าลืมว่าทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสอยู่ด้วยเสมอ

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน