การเทรด CFD ของ Bitcoin กลายเป็นตัวเลือกการลงทุนยอดนิยม เพราะในขณะที่นักลงทุนส่วนมากเคยซื้อเหรียญโดยมีการดำเนินการทางธุรกรรมที่ค่อนข้างช้าและไม่ได้ผ่านการควบคุม การเทรดคริปโตผ่าน CFD ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ดีกว่าในการสร้างผลกำไรให้เติบโต
เช่นเดียวกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ การเทรดเหรียญคริปโตผ่าน CFD ก็อาจมาพร้อมความเสี่ยงที่นักลงทุนจะต้องระวัง อย่างไรก็ดี การวางแผนโดยมีกลยุทธ์ที่ดีในการซื้อขาย Bitcoin ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขาย CFD ของคริปโตที่น่าเชื่อถือจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เทรดได้ประสบความสำเร็จ
ก่อนซื้อขาย Bitcoin หรือเหรียญคริปโตใดๆ ก็ตาม ท่านจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ CFD และหลักการเทรด CFD ให้เข้าใจเสียก่อน เพื่อเลือกจังหวะที่ดีที่สุดในการเข้าตลาด เนื่องจากการเทรดด้วย CFD ไม่ได้เป็นเพียงการคาดหวังว่าราคาจะสูงขึ้นเพื่อให้ได้กำไรเพิ่มขึ้นเท่านั้น
ไม่ได้มีเพียงการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าเหรียญคริปโต ซึ่งรวมไปถึงข่าวปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ที่นักลงทุนต้องคอยติดตามอย่างสม่ำเสมอ ทำให้การเทรด Bitcoin ต้องอาศัยทักษะและความรู้เฉพาะด้านการใช้อินดิเคเตอร์และเครื่องมืออื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้
เพื่อให้นักเทรดมือใหม่เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น วันนี้เราจะมาพูดถึง 3 กลยุทธ์การเทรด Bitcoin ที่ดีที่สุด ที่นักลงทุนนิยมใช้ รวมถึงกลยุทธ์ Breakout, การเทรดแบบ Golden Cross และเทคนิคการซื้อขายคริปโตด้วยเครื่องมือ RSI ดังนี้
จากชื่อกลยุทธ์การเทรด นักเทรดจะต้องเฝ้าจังหวะที่ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่กำหนดไว้ โดยการวาง Pivot point เพื่อดูระดับการเคลื่อนไหวของราคาหลังมีการเบรคทะลุแนวรับหรือแนวต้าน
วิธีนี้ไม่ซับซ้อน หากต้องการเทรดคริปโตด้วยกลยุทธ์ Breakout ท่านจะต้องใช้หลาย Timeframe และอาศัยการเคลื่อนไหวของราคา:
หลังจากระบุทิศทางของตลาดเรียบร้อยแล้ว ท่านจะต้องเปลี่ยนไปใช้ Timeframe 1 ชั่วโมงเพื่อวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนและรูปแบบราคาปัจจุบัน ก่อนจะย้ายไปใช้กรอบเวลา 30 นาทีเพื่อการตั้งคำสั่งซื้อขาย
Golden cross เป็นกลยุทธ์การซื้อขายสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์ หรือที่เรียกว่า “Death Cross” นั่นเอง ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษในการซื้อขายคริปโตโดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้น สำหรับมือใหม่เราขอแนะนำให้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเคล็ดลับการเทรดด้วยค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เพื่อให้เทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จุดตัดจะเกิดขึ้นจากเส้น MA 2 เส้นที่ตัดกัน โดยท่านสามารถใช้ Ma 50 ในการติดตามราคาปิดภายใน 50 วันก่อนหน้าได้ และหากต้องการตรวจสอบราคาปิดภายใน 200 วันที่ผ่านมา ท่านจะต้องใช้เส้น MA 200 นั่นเอง
จุดตัดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่:
หากเส้น 50-MA ตัดกับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันจะทำให้เกิด Divergence ซึ่งเป็นสัญญาณในการเปิดคำสั่งขาย แต่หากเกิด Convergence ท่านจะต้องเปิดคำสั่งซื้อนั่นเอง
โดยส่วนใหญ่นักเทรดจะใช้อินดิเคเตอร์ RSI เพื่อจับตาดูตลาดและระบุเงื่อนไขว่าตลาดอยู่ในสภาวะ Overbought หรือ Oversold อย่างไรก็ตาม เครื่องมือนี้อาจมีประโยชน์ในการเทรด Bitcoin
เมื่อมีสัญญาณ Divergence เกิดขึ้น RSI ไม่จำเป็นจะต้องชี้สัญญาณพฤติกรรมราคาแบบเดียวกัน ทั้งนี้ RSO จะช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์จุดกลับตัวของเทรนด์ได้ก่อนที่ราคาจะไปถึงระดับต่างๆ ทำให้ท่านทราบได้ว่าราคาจะกลับตัว ณ จุดใด
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน