ออกจากระบบ
คุณจะแน่ใจหรือไม่ที่จะออกจากระบบ

แนะนำวิธีใช้อินดิเคเตอร์ Balance of Power วัดแรงซื้อขาย

อินดิเคเตอร์ Balance of Power หรือ BOP เป็นเครื่องมือเทรดที่ช่วยให้เทรดเดอร์วัดค่าความแข็งแกร่งของแรงซื้อขายได้ ในขณะเดียวกันอินดิเคเตอร์ BOP นี้ก็ยังใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์แนวโน้มหรือเทรนด์ราคาเมื่อมีแรงซื้อหรือแรงขายเข้ามาในตลาด ทำให้เทรดเดอร์ประเมินภาพรวมได้ว่าตลาดมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน มีแรงซื้อแรงขายมากเท่าไหร่นั่นเองครับ

None

และข้อดีหลักๆ เลยก็คือถึงแม้ท่านจะมีประสบการณ์การเทรดไม่มากเท่าไหร่นัก ก็สามารถใช้งานอินดิเคเตอร์ชนิดนี้ได้ไม่ยาก แถม Balance of Power ยังเป็นเครื่องมือที่นำไปปรับใช้กับ กลยุทธ์การเทรด และเทคนิคเทรดได้หลากหลายไม่จำกัด ไม่ว่าสภาวะของตลาดในขณะนั้นจะเป็นอย่างไร เทรดเดอร์ก็สามารถใช้งาน BoP ได้ดีเสมอ แถมยังใช้เทรดได้แทบทุกตราสาร ไม่ว่าจะทองคำ, หุ้น, น้ำมัน หรือคู่เงินก็เทรดได้ ยิ่งไปกว่านั้นอินดิเคเตอร์ BoP นี้ยังใช้วิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของการซื้อขายประเภท Dark Pool หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “ตลาดมืด” ได้อีกด้วยครับ

ในบทความวันนี้ เราจะมารีวิวหลักการของอินดิเคเตอร์ Balance of Power ว่ามันใช้วิเคราะห์ตลาดอย่างไร และขอแนะนำให้อ่านจนจบ เพราะเรามีเคล็ดลับและเทคนิคในการใช้อินดิเคเตอร์ BoP มาฝากด้วยครับ

อินดิเคเตอร์ Balance of Power คืออะไร? 

Balance of Power หรือ Indicator BoP คิดค้นขึ้นโดย Igor Livshin ในปี 2001 โดยเขาได้เผยแพร่เกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ชนิดนี้ครั้งแรกในนิตยาสาร Technical Analysis of Stocks and Commodities ในเดือนสิงหาคม ด้วยความตั้งใจที่จะให้เครื่องมือ BoP เป็นเครื่องวัดแรงซื้อของนักเทรดฝั่งซื้อเก็งกำไรและแรงขายของนักเทรดฝั่งขายชอร์ต (Short sell) นั่นเอง

อินดิเคเตอร์ชนิดนี้สามารถเข้าถึงความแข็งแกร่งของตลาดทั้ง 2 ฝั่งได้ (ทั้งในฝั่งซื้อและฝั่งขาย) รวมถึงประเมินราคาหลักของตลาดได้เช่นกัน โดยการคำนวณ BoP มีสูตรการคำนวณง่ายๆ ดังนี้:

  1. เอาราคาปิดหักลบกับราคาเปิด (จะได้เป็นค่าแรก หรือ Value 1)
  2. เอาราคาสูงสุดลบด้วยราคาต่ำสุด (จะได้เป็นค่าที่สอง หรือ Value 2)
  3. นำ Value 1 หารด้วย Value 2

สรุปสูตรการคำนวณ BoP แบบง่ายๆ ก็คือ: BoP = (ราคาปิด – ราคาเปิด) / (ราคาสูงสุด – ราคาต่ำสุด)

แนะนำวิธีใช้อินดิเคเตอร์ Balance of Power 

เพื่อใช้งาน indicator BoP ให้มีประสิทธิภาพและได้ผลจริง เทรดเดอร์จะต้องทำตามคำแนะนำในการใช้งานเครื่องมือเทรดชนิดนี้ตามคำแนะนำของผู้คิดค้นและวิเคราะห์อย่าง Igor Livshin ซึ่งได้แก่:

  • เทรดเดอร์จะต้องใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะเวลา 14 วันในกราฟราคา ซึ่ง timeframe และสภาวะของตลาดอาจทำให้ช่วงเวลามีความแตกต่างกันไป
  • จุดสูงสุดและต่ำสุดของอินดิเคเตอร์จะเป็นตัวบ่งบอกเทรนด์ขาขึ้น (Uptrend) และขาลง (Downtrend)
  • อินดิเคเตอร์ Balance of Power จะเป็นบ่งบอก Price divergence หรือการที่ราคาและสัญญาณอินดิเคเตอร์สวนทางกัน รวมถึงบอกว่าขณะนั้นตลาดอยู่ในสภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
  • สัญญาณการเปลี่ยนเทรนด์จากอินดิเคเตอร์ BoP ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ดี แต่อาจไม่ได้แม่นยำทุกครั้ง ดังนั้นก่อนจะเทรดตาม เทรดเดอร์ต้องรอสัญญาณยืนยันอื่นๆ ก่อน

เทคนิคการใช้อินดิเคเตอร์ BoP

เราขอยืนยันคำเดิมว่าอินดิเคเตอร์ชนิดนี้ใช้งานง่ายมากๆ ไม่ต้องใช้ความรู้หรือทักษะเทรดที่ซับซ้อนเลยครับ แต่ถึงแม้จะใช้งานง่ายแต่ก็มีเงื่อนไขบางอย่างที่เทรดเดอร์ควรสังเกตให้ดี นั่นก็คือการตรวจสอบดูว่าอินดิเคเตอร์กำลังติดตามราคาอยู่หรือเปล่า เนื่องจากอินดิเคเตอร์มักจะมีวิธีการติดตามราคาที่หลากหลายตามสภาวะของตลาดในขณะนั้น ดังนั้นเงื่อนไขที่เทรดเดอร์ควรจับตาดู มีดังนี้:

  1. หากอินดิเคเตอร์อยู่เหนือกว่า 0 ขึ้นไป หมายถึง จังหวะในการเปิดออเดอร์ buy
  2. หากอินดิเคเตอร์อยู่ต่ำกว่า 0 หมายถึง จังหวะในการเปิดออเดอร์ sell

Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200% Deposit bonus 
up to 200%
Spreads
from 0 pips Spreads 
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform Awarded Copy
Trading platform
Join instantly

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาลองใช้งานจริงๆ แล้วท่านอาจพบว่าการประมวลผลของเครื่องมือชนิดนี้ก็อาจมีความซับซ้อนอยู่บ้างเล็กน้อย เห็นได้บ่อยครั้งที่ไม่ว่าเทรนด์ ณ ขณะนั้นจะอยู่ในทิศทางใด อินดิเคเตอร์ BoP ก็อาจเคลื่อนเหนือกว่า 0 หรือบางครั้งอาจต่ำกว่า 0 ผกผันไปเรื่อยๆ อยู่เสมอ ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือเทรดเดอร์ไม่ควรใช้อินดิเคเตอร์ Balance of Power เพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้ร่วมกับ อินดิเคเตอร์เชิงเทคนิคอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณเทรดที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ข้อจำกัดในการใช้อินดิเคเตอร์ Balance of Power

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอินดิเคเตอร์ BoP ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นเดียวกับอินดิเคเตอร์ชนิดอื่นๆ โดยข้อจำกัดในการใช้อินดิเคเตอร์ชนิดนี้ซึ่งเทรดเดอร์ควรระวัง ได้แก่:

  • ไม่ได้การันตีว่าเทรดเดอร์จะเทรด Short หรือ Long ได้ประสบความเร็จตามสัญญาณเทรด
  • ไม่สามารถใช้ระบุเทรนด์ที่ชัดเจนได้
  • อินดิเคเตอร์อาจกลับตัวทันทีหลังส่งสัญญาณ Bullish หรือ Bearish divergence 

สรุปเกี่ยวกับอินดิเคเตอร์ Balance of Power

อินดิเคเตอร์ Balance of Power ทำให้เทรดเดอร์เข้าใจภาพรวมของรูปแบบการซื้อขายในตลาด รวมถึงวัดค่าความแข็งแกร่งของตลาดจากระดับเส้นอินดิเคเตอร์ที่อยู่เหนือกว่า 0 หรือต่ำกว่า 0 ได้ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ไม่ควรนำเครื่องมือชนิดนี้มาใช้วัดโมเมนตัมราคา เนื่องจาก BoP จะไม่ได้ติดตามราคาจริงในตลาด แต่จะมีวิธีการประเมินผลตามรูปแบบของเครื่องมือเอง ทั้งนี้ เทรดเดอร์ควรใช้งานอินดิเคเตอร์นี้อย่างรอบคอบร่วมกับอินดิเคเตอร์ชนิดอื่นๆ เพื่อยืนยันสัญญาณเทรดที่ชัดเจนและแม่นยำมากยิ่งขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดผิดพลาดจากสัญญาณหลอกให้ได้มากที่สุด

บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน