บทความนี้เป็นคู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นเทรด Forex มาลองอ่านบทความ และเรียนรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก เกี่ยวกับจิตวิทยาการซื้อขาย การวิเคราะห์ตลาด การบริหารความเสี่ยง และกลยุทธ์ Forex ที่เป็นที่นิยมไปพร้อมๆกับเคล็ดลับการซื้อขาย!
ยินดีต้อนรับสู่ตอนที่สามของคู่มือฯ ในส่วนนี้จะกล่าวถึงหัวข้อที่เหลือสำหรับนักลงทุนมือใหม่ และเป็นเนื้อหาอ้างอิง สำหรับเรียนรู้โดยละเอียดเพิ่มเติมต่อไป
● เรียนรู้จิตวิทยาการซื้อขาย
● หลักการวิเคราะห์ตลาดฟอเร็กซ์
● กลยุทธ์ฟอเร็กซ์ยอดนิยม
● เคล็ดลับการซื้อขายสำหรับมือใหม
เพียงแค่พื้นฐานและความสามารถในการวิเคราะห์ตลาด ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ดีได้ คุณเคยสังเกตไหมว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร? พวกเขาไม่เคยอารมณ์เสียและลังเลต่อการกระทำใดๆ ความเข้าใจในจิตวิทยาการซื้อขาย เป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาเกมของคุณได้ คุณสงสัยใช่ไหมว่า จะใจเย็นอยู่ได้อย่างไร ภายใต้ความกดดันในการเปิดหรือปิดสถานะซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นกรณีการตัดขาดทุนหรือเก็บกำไร มาลองพัฒนาวินัยในการเทรดของคุณเองผ่านคำแนะนำของ MTrading
1. กำหนดเป้าหมายการซื้อขายที่เหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องมีการประเมินผลกำไรและขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจริง เมื่อประสิทธิภาพการเทรดของคุณเพิ่มขึ้นแล้ว จึงค่อยเพิ่มความคาดหวังในผลกำไร
2. พิจารณาความเสี่ยงที่ยอมรับได้ล่วงหน้า จากนั้น เลือกกลยุทธ์การซื้อขายที่เหมาะสมกับการคาดการณ์ การยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ เหมาะสำหรับการเทรดด้วยเงินน้อยๆ ในปริมาณมากๆ ในขณะที่การยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง จะเหมาะกับการเทรดด้วยเงินจำนวนมากกว่า ด้วยโอกาสที่จะได้รับผลกำไรที่มากขึ้น
3. คำนึงถึงขีดจำกัดของคุณเอง กำหนดเป้าหมายและปิดสถานะตามที่ตั้งเป้าไว้ เพื่อรับผลกำไรหรือจำกัดความสูญเสีย
4. เตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุด มันฟังดูในแง่ร้าย แต่เมื่อพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้ของการเทรดแต่ละครั้ง คุณจะสามารถกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันตัวเองได้หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น โดยการตั้งค่าจุดตัดขาดทุนไว้ล่วงหน้า
5. ผลลัพธ์โดยรวมในการเทรด เป็นสิ่งเดียวที่มีความสำคัญ คุณอาจถูกยั่วยุให้เสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่ประสบกับการซื้อขายที่ราบรื่น หรือเลิกเทรดไปเลย ในกรณีที่เกิดความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณต้องดีต่อตนเองให้มากๆ ใจเย็นๆเข้าไว้
แม้ว่าบางครั้งผู้เล่นหน้าใหม่จะมีความมั่นใจในตนเอง และได้สัมผัสกับโชคลาภในช่วงเริ่มต้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน เทรดเดอร์ที่มีความชำนาญด้านเทคนิคจะบอกคุณเอง: การวิเคราะห์ตลาดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการซื้อขายทั้งระยะสั้นและระยะยาว กราฟรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือนควรอยู่ใกล้มือคุณเสมอ ทั้งนี้ มีวิธีการวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ที่มากมายหลากหลาย อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์สามประเภทหลักๆ ที่ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลาย:
การวิเคราะห์ประเภทนี้มีไว้สำหรับตรวจสอบเหตุการณ์ในโลกแห่งความจริง ที่อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของตราสารทางการเงิน ตัวอย่างเช่น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจผันผวนตามรายงานการค้าปลีก ซึ่งจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินทั้งหมดที่คู่กับ USD ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเหล่านี้มีผลกระทบมากที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์:
● ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
● ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP)
● อัตราการว่างงาน
● ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม
● ยอดค้าปลีก
● ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน
● อัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งชาติ ( เช่น ธนาคารกลางยุโรป หรือธนาคารกลางสหรัฐ)
ทันทีที่มีการประกาศข่าวหรือรายงานทางเศรษฐกิจ จะมีสามสถานการณ์ที่เป็นไปได้ ดังต่อไปนี้:
1. ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ (ตลาดคาดการณ์การประกาศไว้ล่วงหน้าแล้ว)
2. การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงของราคา ตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ (ข่าวเชิงบวกสามารถนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์)
3. การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงไปในทิศทางตรงข้ามต่อข้อมูลทางเศรษฐกิจ
ความท้าทายในที่นี้คือ การคาดการณ์ผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด และเปิดสถานะการซื้อหรือขายไปตามนั้น การซื้อขายที่ถูกหลัก ต้องสะท้อนจากการตรวจสอบข่าวสาร (ดูได้จาก ปฏิทิน Forex) และติดตามผลกระทบที่ข่าวดังกล่าว มีต่อสินทรัพย์/ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่คล้ายกันในอดีต
การวิเคราะห์ทางเทคนิคส่วนใหญ่ มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เกิดขึ้นในแผนภูมิกราฟการซื้อขาย มันบันทึกการเคลื่อนไหวของราคาของผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่แตกต่างกัน เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น เทรดเดอร์สามารถเห็นรูปแบบในการเคลื่อนไหวของราคา และตัดสินใจซื้อขายตามสมมติฐานที่ว่า รูปแบบเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต
แผนภูมิแท่งเทียนสไตล์ญี่ปุ่น เป็นตัวอย่างของรูปแบบแผนภูมิกราฟซื้อขาย มันเน้นที่การแสดงจุดราคาต่ำสุด และสูงสุดสำหรับแต่ละช่วงเวลาที่กำหนด (สามารถกำหนดได้โดยเทรดเดอร์ในแพลตฟอร์มการซื้อขาย):
- ราคาเปิดสำหรับช่วงเวลานั้นๆ
- จุดราคาสูงสุดสำหรับช่วงเวลานั้นๆ
- จุดราคาต่ำสุดสำหรับช่วงเวลานั้นๆ
- ราคาปิดสำหรับช่วงเวลานั้นๆ
ตัวอย่างเช่น หากแท่งเทียนญี่ปุ่นปิดใกล้ราคาสูงสุดของช่วงเวลาใด นั่นหมายถึง มีคนให้ความสนใจคู่สกุลเงินนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก การตัดสินใจของเทรดเดอร์ที่จะเปิดสถานะระยะยาว เพื่อใช้ประโยชน์จากความสนใจเหล่านั้นย่อมเป็นไปได้สูง เนื่องจากรูปแบบทั่วไปเกิดขึ้นในภาพรวมของแผนภูมิ มันจึงช่วยทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต และทิศทางการเทรด เมื่อรูปแบบเกิดขึ้นสิ่งนี้จะกลายเป็นตัวบ่งชี้ เพราะมันบ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำการซื้อขายขายที่ทำกำไรได้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวชี้วัดได้ในบทความของเรา เกี่ยวกับ ตัวชี้วัดที่สำคัญในการเทรดฟอเร็กซ์
หรือที่เรียกว่าการวิเคราะห์เอลเลียตเวฟ (Elliott Wave) การวิเคราะห์ลูกคลื่นเป็นวิธีที่รู้จักกันดี ซึ่งแสดงแผนภูมิกราฟราคาสำหรับรูปแบบและทิศทาง (แนวโน้ม) ของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
ทฤษฎีของราล์ฟเอลเลียตคล้ายกับทฤษฎีของ Dow Jones: ทั้งคู่ต่างยอมรับว่า ราคาหุ้นเคลื่อนไหวเป็นลูกคลื่น
คลื่นลูกย่อยจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับเทรนด์ที่ใหญ่กว่า โดยแสดงให้เห็นเป็นห้ารูปแบบของคลื่นเสมอ คลื่นที่ถูกต้องจะเคลื่อนไปในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มหลัก ในระดับที่เล็กกว่า ภายในแต่ละคลื่นย่อยๆ เราจะเห็นรูปแบบห้าคลื่นอีกครั้ง
ดูแผนภูมิต่อไปนี้ประกอบ ด้วยคลื่นแปดคลื่น (ห้าคลื่นขาขึ้นและสามคลื่นขาลง) ที่ระบุตำแหน่งโดย 1, 2, 3, 4, 5, A, B และ C
คลื่น 1-5 สร้างแรงกระตุ้นขณะที่คลื่น A, B, C แสดงถึงการปรับฐาน แรงกระตุ้นจะสร้างคลื่นที่ 1 ในจุดสูงสุดถัดไป และการปรับฐานของคลื่นสามลูก จะก่อให้เกิดคลื่น 2 ที่จุดสูงสุดถัดไป
กลยุทธ์การซื้อขายเป็นวิธีการที่เทรดเดอร์ใช้ เพื่อกำหนดว่าจะซื้อ และขายสินทรัพย์ในตลาดการเงินเมื่อใด กลยุทธ์อาจขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิค การวิเคราะห์พื้นฐาน การวิเคราะห์ลูกคลื่น วิธีการเชิงปริมาณ หรือการรวมกันของปัจจัยทุกอย่างที่กล่าวมาในการตัดสินใจ
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะอ้างถึงกลยุทธ์ Forex ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งรวมถึง:
กลยุทธ์การซื้อขายแบบนี้เป็นการซื้อและขายคู่สกุลเงินในระยะเวลาอันสั้นมาก (ไม่กี่วินาที/ชั่วโมง) กลยุทธ์นี้สามารถช่วยให้ทำกำไรเล็กๆ เป็นจำนวนมากมายจนกว่าจะสะสมเป็นกำไรก้อนใหญ่ อ่านเพิ่มเติมใน Forex Scalping สำหรับผู้เริ่มต้น
การซื้อขายระหว่างวันเกี่ยวข้องกับการซื้อและขายหุ้นในวันเดียวกันในช่วงเวลาที่ตลาดเปิดทำการ นี่เป็นวิธีการซื้อและขายแบบถี่ๆ หลายๆครั้ง โดยมีเจตนาเพื่อต้องการทำกำไรภายในหนึ่งวัน
เป็นวิธีการซื้อขายระยะกลาง ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงของราคา ในช่วงราคาที่กว้างกว่าการเทรดแบบ scalping หรือ intraday การซื้อขายแบบนี้สามารถตั้งค่า และคอยตรวจสอบราคาได้ ในช่วงตั้งแต่หลายชั่วโมงไปจนถึงหลายวัน โดยไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวตลอดเวลาในระหว่างวัน
เทคนิคการจัดการความเสี่ยงนี้ หมายความว่าเทรดเดอร์สามารถชดเชยความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยการเปิดสถานะตรงกันข้าม ในตลาดฟอเร็กซ์คุณสามารถทำได้ โดยการเปิดสองสถานะด้วยคำสั่งที่ตรงข้ามกันในคู่สกุลเงินเดียวกัน (เช่นการเปิดสถานะซื้อและขายพร้อมกันในคู่สกุลเงิน EUR/USD) หรือโดยการจับคู่ที่ตรงกันข้ามกับสกุลเงินที่สัมพันธ์กันสองสกุล
สมมติว่า ในทุกๆ การเทรดที่ขาดทุน คุณจะลงทุนเป็นสองเท่าในการซื้อขายครั้งถัดไป เพื่อที่จะครอบคลุมการสูญเสียของคุณทันทีที่การเทรดนั้นประสบความสำเร็จ
ตัวอย่างเช่น หากคุณลงทุน 2 USD สำหรับการซื้อขายครั้งแรกและขาดทุน ดังนั้น ในการซื้อขายครั้งต่อไปคุณจะลงทุน 4 USD จากนั้นก็เพิ่มเป็น 8 USD จากนั้น 16 USD ตามลำดับ กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงและไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
เป็นการใช้คำสั่ง buy stop/ sell stop เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาด โดยมักจะมีการตั้งค่าไว้ที่ช่วงห่างประมาณ 10 pip และอนุญาตระบบทำการซื้อขายแบบอัตโนมัติ
ปรับเปลี่ยนประสบการณ์การซื้อขายของคุณ ด้วยบัญชีทดลองฟรีของเรา:
คู่มือแนวทางการเทรดฟอเร็กซ์: ตอนที่ 3 นี้ กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว และเราต้องการแน่ใจว่า คุณจะมองเรื่องของการเทรดฟอเร็กซ์เป็นเรื่องที่จริงจัง
ต่อไปนี้คือ การสรุปเคล็ดลับขั้นสุดท้ายบางประการ เพื่อให้คุณประยุกต์มันเข้าไปกับความรู้ของคุณ เพื่อการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ:
1. หมั่นค้นคว้าด้วยตนเองอยู่เสมอ ยิ่งคุณรู้น้อยเท่าใดความเสี่ยงก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดูวิดีโอเกี่ยวกับการซื้อขาย Forex อ่านบทความและแบบฝึกหัด เข้าร่วมสัมมนาอบรมการเทรด เข้าร่วมการสัมมนาฟอเร็กซ์ผ่านทางเว็บไซต์ และหลังจากนั้นจึงวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่คุณได้รับ
2. อย่าลังเลที่จะทดสอบใน บัญชีทดลอง การเทรดด้วยบัญชีทดลอง จะช่วยรองรับการสูญเสียของคุณ ในขณะที่คุณได้ฝึกฝนกลยุทธ์ใหม่ๆ ทดลองเทรดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าผลลัพธ์จะเป็นที่พอใจ และทำให้คุณมั่นใจในกลยุทธ์ที่ได้ทดสอบ
3. อย่าทำอะไรซับซ้อนเกินไป
อย่าโหลดแผนภูมิของคุณ ด้วยตัวบ่งชี้ หรือกลยุทธ์ที่มากเกินไป ยิ่งกลยุทธ์การซื้อขายของคุณซับซ้อนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่จะติดตาม และยิ่งมีโอกาสน้อยที่จะมีประสิทธิภาพ หากต้องการทราบว่า แต่ละกลยุทธ์ดำเนินการโดยเฉลี่ยในตลาดต่างๆได้ดีเพียงใด คุณต้องดำเนินการทดสอบ และวิจัยย้อนหลังเท่าที่จำเป็น ความสามารถในการใช้เครื่องมือเพียงสองสามอย่าง ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
4. ใจเย็นเข้าไว้ในยามที่ตลาดผันผวน ความผันผวนทำให้การซื้อขายขับเคลื่อนไป และสามารถทำลายมันลงได้ในเวลาเดียวกัน คุณต้องยอมรับว่าเมื่อคุณอยู่ในตลาด สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้เสมอ และมันสามารถลบล้างกลยุทธ์ของคุณไปโดยราบคาบ
5. แนวโน้มคือเพื่อนของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์หน้าใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค คุณควรเชื่อในสิ่งที่คุณเห็น ไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดว่าจะเกิดขึ้น
6. ให้ความสำคัญกับการเปิดและปิดสถานะ การเปิดสถานะมีความสำคัญเช่นเดียวกับการปิด กลยุทธ์การซื้อขายของคุณต้องพิจารณากลไกในการปิดสถานะด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียอย่างหนัก
7. เขียนบันทึกทุกอย่างลงไป คุณควรจะเปรียบการเทรดเสมือนการเป็นเจ้าของธุรกิจ: เริ่มจากการวางแผน หมั่นตรวจสอบให้แน่ใจและคอยปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ การเริ่มต้นจดบันทึกการซื้อขายเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
8. ระบุเหตุผลในการเปิดหรือปิดสถานะทุกวัน ทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด รวมถึงประเด็นที่ควรศึกษาเพิ่มเติม อย่าลืมบันทึกการซื้อขายทุกครั้งไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ การวิเคราะห์การซื้อขายที่ดี จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการซื้อขาย และกระตุ้นให้คุณผลักดันตัวเองมากขึ้นเพื่อเดินหน้าต่อไป การวิเคราะห์ความผิดพลาด จะช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ คว้าหนังสืออีบุ๊คของเราไปอ่านเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม!
คอยติดตามข่าวสารและการอัพเดทของเราได้ผ่าน ช่องทางการเรียนรู้
- ข้อกำหนด Forex พื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น
- หนังสือ Forex ที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น
บทความนี้ไม่มี และไม่ควรถูกตีความว่ามี คำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงิน
ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน คุณควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจในความเสี่ยง