ตลอดทั้งปี เราต้องเผชิญกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไหนจะหิมะตกในฤดูหนาว (เอ้ะ! แต่บ้านเราไม่มีหิมะนี่นา) และเมื่อฤดูร้อนแวะเวียนมาก็ร้อนจนแทบขาดใจ เทรดเดอร์หลายๆ ท่านอาจเคยนึกสงสัยแบบสนุกๆ ว่า ตลาด forex นั้นมีฤดูกาลหรือเปล่า? เป็นความคิดที่ดีครับ! เพราะแม้แต่การแข่งขันฟุตบอลก็ยังมีฤดูกาลเลย จริงไหม? แต่ถ้าจะเรียกว่า "ฤดู forex" ก็คงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะจริงๆ แล้วมันคือ "ฤดูประกาศผลประกอบการ" ของกิจการต่างๆ ที่จะส่งผลต่อตลาด forex ต่างหากล่ะครับ และเมื่อฤดูกาลนี้มาถึง ตลาด forex ก็จะร้อนแรงยิ่งกว่าอากาศในช่วงซัมเมอร์เสียอีก!
ฤดูประกาศผลประกอบการได้พัดพาโอกาสในการเทรดทำกำไรมาให้กับเทรดเดอร์ทุกท่าน เนื่องจากมันเป็นช่วงเวลาที่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งในอเมริกาได้ประกาศงบการเงินในแต่ละไตรมาส ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจดันให้ราคาหุ้นทะยานขึ้น หรือ อาจทุบให้หุ้นร่วงลงมากยิ่งกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ หลังการประกาศสิ้นสุดลง
การที่ราคาวิ่งขึ้นหรือลงแบบหนักๆ ก่อให้เกิดความผันผวนในตลาด forex ตามมา ซึ่งกลายเป็นแรงผลักดันให้ประตูแห่งโอกาสเปิดออก เพื่อให้เทรดเดอร์ได้ทำกำไรจากช่วงที่มีความผันผวนสูงในระยะสั้นๆ นี้ แต่น่าเสียดายนักที่บางครั้ง เทรดเดอร์หลายท่านอาจไม่ทราบถึงเทคนิคการทำกำไรจากความผันผวนของราคา และหากท่านเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังสงสัยว่า จะเทรดทำกำไรจากความผันผวนเหล่านั้นอย่างไรล่ะก็... บทความนี้มีคำตอบ!
ฤดูประกาศผลประกอบการมีด้วยกันทั้งหมด 4 ฤดู หรือที่เรามักจะได้ยินการประกาศเป็น '4 ไตรมาส' นั่นเองครับ โดยบริษัทต่างๆ จะประกาศรายได้หรืองบการเงินในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เพื่อบ่งบอกความก้าวหน้าของบริษัทนั้นๆ แต่ก็อาจมีบางบริษัทที่มีช่วงเวลาในการประกาศที่แตกต่างออกไปจากตารางเวลาปกติ
บริษัทมักจะรายงานผลประกอบหลังไตรมาสต่างๆ สิ้นสุดลง ไม่ว่าจะเป็นในเดือนมกราคม, เมษายน, กรกฎาคม และตุลาคม หากเทรดเดอร์ไม่อยากพลาดการประกาศตัวเลขสำคัญเหล่านั้น และปล่อยให้โอกาสในการทำกำไรหลุดมือล่ะก็… หมั่นติดตาม ปฏิทิน forex เป็นประจำและมาร์ควันที่ที่มีข่าวที่อาจส่งผลต่อคู่เงินที่ท่านกำลังเทรดอยู่
การทำความเข้าใจรายงานผลประกอบการนั้นง่ายมากๆ เราเชื่อว่ามือใหม่หัดเทรดทุกท่านที่แม้จะเพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการเทรดใหม่ๆ ก็เข้าใจได้ไม่ยาก และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้เทรดได้ทันที
หากการรายงานออกมาในทิศทางบวก และแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีกำไรหรือมียอดขายเพิ่มขึ้น หุ้นของบริษัทเหล่านั้นก็จะเป็นที่สนใจในหมู่นักลงทุนมากยิ่งขึ้นเช่นกัน เมื่อความต้องการหุ้นเพิ่มขึ้น ปริมาณการซื้อก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นจะยิ่งพุ่งไปได้ไกลมากยิ่งกว่าเดิม
แต่หากมีการรายงานว่ากำไรหรือยอดขายของบริษัทนั้นๆ เริ่มชะลอตัว หุ้นของบริษัทก็อาจจะร่วงได้ในพริบตาเช่นกัน
MTrading ขอเชิญชวนเทรดเดอร์ทุกท่านมาใช้งาน MetaTrader 4 ไปกับเรา! โดย MetaTrader 4 (MT4) นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุด เต็มไปด้วยสุดยอดเครื่องมือวิเคราะห์กราฟเทคนิคสำหรับการเทรด forex และ CFDs ที่หลากหลาย ให้เทรดเดอร์ใช้งานได้แบบสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย แถมยังตั้งค่าได้ตามกลยุทธ์เทรดของท่าน ดาวน์โหลด MetaTrader 4 แล้วเริ่มทำกำไรอย่างปลอดภัยได้เลย!
บางครั้ง การทำกำไรในตลาด forex ก็อาจดูยากสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่บางท่าน แต่การเทรดตามผลประกอบการของบริษัท หรือ ข่าวตัวเลขสำคัญจากปฏิทินเศรษฐกิจ จะช่วยให้การเทรด forex กลายเป็นเรื่องง่าย แถมยังมีโอกาสได้กำไรสูงอีกต่างหาก
หลายสัปดาห์ก่อนที่การประกาศตัวเลขสำคัญจะเกิดขึ้น มักจะมีนักวิเคราะห์ออกมารายงานการคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางตัวเลขเหล่านั้น โดยอาศัยการคำนวณจาก EPS (Earnings per share) หรือ กำไรสุทธิหารด้วยจำนวนหุ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นตัวบอกใบ้ทิศทางของราคาหุ้น ว่าหุ้นตัวนั้นมีโอกาสวิ่งขึ้นหรือลงนั่นเองครับ
เมื่อนักวิเคราะห์เผยการคาดการณ์ที่มีการประมาณตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้อง การคาดการณ์เหล่านั้นก็จะกระตุ้นให้ราคาหุ้นขยับไปในทิศใดทิศหนึ่ง หากการคาดการณ์ออกมาดี ราคาหุ้นก็จะวิ่งขึ้น แต่หากการคาดการณ์ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจเท่าไหร่นัก ราคาหุ้นก็อาจร่วงได้
เมื่อท่านสนใจที่จะเทรดหุ้นของบริษัทใดๆ ก็ตาม ท่านควรศึกษาข้อมูลของบริษัทเหล่านั้น โดยการเสิร์ชในกูเกิลว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนักลงทุนและบริษัทดังกล่าวเป็นอย่างไร ท่านก็จะเข้าถึงข้อมูลผลประกอบการ, การรายงานตัวเลขสำคัญที่ผ่านมา และข้อมูลสำคัญอื่นๆ อีกมากมาย
ความหวาดหวั่นเกี่ยวกับตัวเลขที่กำลังจะมีการประกาศเป็นปัจจัยหนุนให้หุ้นแต่ละตัวเป็นที่จับตามองในหมู่นักลงทุนมากยิ่งขึ้น และยิ่งข้อมูลการคาดการณ์มีความคลาดเคลื่อนจากรายงานจริงมากเท่าไหร่ ความเคลื่อนไหวของราคาในตลาดก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มีนักลงทุนได้กล่าวเอาไว้ว่า "จงซื้อตามข่าวลือ และขายตามข่าวจริง" ซึ่งมีนัยว่า ราคาหุ้นอาจร่วงเมื่อมีการประกาศข้อมูลตัวเลขจริง เนื่องจากราคานั้นออกมาดีเกินคาด และนักลงทุนที่ได้ซื้อหุ้นเอาไว้ก่อนล่วงหน้าการประกาศก็จะทยอยขายหุ้นหลังจากนั้น
ลองดูกราฟหุ้น Tesla ด้านบน ที่ราคาดิ่งลงถึง 10% ในวันที่ 3 เม.ย. 2562 เพื่อพิจารณาโอกาสที่ราคาจะร่วงลงหลังการรายงานผลประกอบการ
รายได้ของบริษัทในไตรมาสนั้นออกมาแย่เกินคาด ฉุดให้ราคาหุ้นร่วงลงตามไปด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าการประกาศตัวเลขดังกล่าว ราคาหุ้นยังคงพุ่งและแกว่งตัวอยู่ในแดนบวก
เป็นที่รู้กันดีในหมู่เทรดเดอร์มากประสบการณ์ ว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อราคานั้นไม่ได้มีเพียงแค่ EPS หรือรายได้ของบริษัท แต่ยังมีปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ รวมไปถึงภาพรวมของบริษัทที่มีผลต่อทิศทางราคาหุ้นเช่นกัน
ลองปฏิบัติตามหลักการต่อไปนี้ เพื่อเทรดตามตัวเลขผลประกอบการให้ได้กำไรจริง:
ข่าวที่มีการประกาศออกมาจากบริษัทใหญ่ๆ มักจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างชัดเจน และที่สำคัญ ข่าวเหล่านั้นอาจเป็นปัจจัยหนุนตราสารการลงทุนอื่นๆ รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราด้วยเช่นกัน ฉะนั้น เมื่อหุ้น Amazon หรือ Microsoft พุ่งขึ้น ดัชนี S&P ก็มีโอกาสพุ่งขึ้นตาม
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราก็อาจได้รับผลกระทบจากราคาหุ้นเช่นกัน เพราะเมื่อหุ้นของบริษัทหนึ่งมีมูลค่าสูงขึ้น ความต้องการของเงินตราที่เกี่ยวข้องกับหุ้นของบริษัทดังกล่าวก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนต่างก็คาดหวังว่าธนาคารกลางจะเพิ่มอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินนั้นๆ
โดยส่วนมาก การรายงานตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ เช่น บัญชีเงินเดือนนอกภาคเกษตร (Non-farm Payroll) จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลก ผู้คนทั่วโลกต่างก็มีความเกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบจากตัวเลข GDP, รายงานผลประกอบการของบริษัท และอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร เนื่องจากว่าปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อเนื่องมาถึงราคาสินทรัพย์อื่นๆ นั่นเพราะการรายงานตัวเลขเหล่านี้ก่อให้เกิดความผันผวนในโลกแห่งการเงิน เทรดเดอร์ทุกท่านคงทราบดีแล้วว่าตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจเหล่านี้มีความสำคัญต่อการเทรดของท่านอย่างไร ดังนั้น อย่าลืมติดตามข่าวสารตามปฏิทินเศรษฐกิจในวันที่จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญเกิดขึ้น เช่น บนเว็บไซต์ investing.com ที่ท่านสามารถใช้เครื่องมือกรองข้อมูลตามประเทศ, ภูมิภาค และความสำคัญของตัวเลขตามที่ท่านสนใจได้ เพื่อใช้ข้อมูลเหล่านั้นประกอบการตัดสินใจในการเทรดตามข่าวที่กำลังจะเกิดขึ้น
ความรู้ในการเทรด ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ท่านเทรดได้ประสบความสำเร็จ! ติดตามอ่าน:
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน