เลเวอเรจและมาร์จิ้นเป็นคำศัพท์ Forex ที่นักเทรดมือใหม่ทุกท่านควรรู้ ก่อนที่ท่านจะเลือกกลยุทธ์การเทรดใดๆ ก็ตาม เพราะส่วนใหญ่ นักลงทุนอาจต้องใช้เงินทุนในการเทรดมากขึ้นเพื่อให้มีโอกาสทำกำไรได้ ดังนั้น โอกาสเดียวที่จะได้เงินทุนเพิ่มเติมก็คือการขอยืมจากโบรกเกอร์ ซึ่งก็คือเลเวอเรจนั่นเอง ขณะที่บางท่านอาจกำลังสับสนและเข้าใจว่าเลเวอเรจและมาร์จิ้นเป็นสิ่งเดียวกัน
ในความเป็นจริง ทั้งสองคำมีความหมายที่แตกต่างกัน และเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนมือใหม่จะต้องทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างเลเวอเรจและมาร์จิ้น เนื่องจากสองอย่างนี้สามารถเพิ่มผลกำไรหรือทำให้ท่านขาดทุนมหาศาลได้เลยทีเดียว
เมื่อท่านเห็นโอกาสการเทรดที่อาจให้กำไรได้ ท่านอาจต้องการลงทุนเป็นจำนวนมากกว่าเงินทุนที่มีอยู่ วิธีเดียวที่จะสร้างเงินทุนเพิ่มเติมคือการยืมจากโบรกเกอร์นั่นเอง มิฉะนั้น ท่านก็อาจไม่สามารถลงทุนได้มากกว่าเงินทุนที่มีได้ นำไปสู่การเสียโอกาสในการทำกำไร อย่างไรก็แล้วแต่ ทั้งเลเวอเรจและมาร์จิ้นต่างก็เป็นเครื่องมือที่ท่านต้องทำความเข้าใจให้ดีเพราะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
มาร์จิ้น (Margin) หมายถึง ส่วนต่างระหว่างจำนวนเงินที่ท่านยืมจากโบรกเกอร์สำหรับการเทรด และมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดที่เก็บไว้ในมาร์จิ้น ในการซื้อขายด้วยมาร์จิ้น ท่านต้องเปิดบัญชีมาร์จิ้นกับโบรกเกอร์ที่ท่านเลือก
เงินทุนที่ท่านได้ฝากเข้าบัญชีจะถูกใช้เป็นมาร์จิ้นขั้นต่ำหรือมาร์จิ้นเริ่มต้น นอกจากนี้ยังแสดงถึงเงินทุนเริ่มต้นที่ท่านใช้การลงทุนอีกด้วย
แน่นอนว่าท่านไม่จำเป็นต้องลงทุนเงินทั้งหมดของคุณในครั้งเดียว เนื่องจากนักเทรดสามารถเก็บส่วนหนึ่งของทุนไว้เพื่อทำหน้าที่เป็นส่วนต่างเพื่อการรักษามาร์จิ้นในภายหลังได้
นอกจากนี้ ยังมีหลักการ Margin call (การเรียกมาร์จิ้น) ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อผลรวมที่ต่ำกว่าระดับที่กำหนด โดยเมื่อเทรดเดอร์ได้รับ Margin Call หมายความว่าท่านจะต้องทำการฝากเงินอีกครั้งเพื่อชดเชยส่วนต่างที่ติดลบ โดยในบางครั้งโบรกเกอร์อาจขอให้ท่านชำระคืนด้วยเงินเต็มจำนวนเลยทีเดีบว
เลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่เปรียบเสมือนการกู้ยืมเงินมาใช้สำหรับการเทรด เพื่อขยายผลตอบแทนหรือกำไรนั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปเลเวอเรจในการเทรดหมายถึงอัตราส่วนระหว่างจำนวนเงินที่อนุญาตให้ลงทุนในการเทีดกับเงินที่ใช้ลงทุนจริง
ตัวอย่างเช่น: นักเทรดลงทุนด้วยเงิน 100 RS แต่ได้เงินลงทุนเพิ่มเป็น 10,000 ในกรณีนี้ เลเวอเรจที่ใช้เท่ากับ 1:100
ด้านหนึ่งมีโอกาสสร้างกำไรค่อนข้างสูง ในขณะเดียวกัน อาจสูญเสียเงินทุนที่ยืมมาจำนวนมากในกรณีที่เกิดความล้มเหลว
ถึงแม้เลเวอเรจจะช่วยขยายโอกาสในการทำกำไรได้มาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจนำไปสู่การสูญเสียเงินทุนและการขาดทุนได้มหาศาลเช่นกัน
ทั้งเลเวอเรจและมาร์จิ้นมีข้อแตกต่างหลักๆ ดังนี้:
นอกจากนี้ นักเทรดสามารถใช้กลยุทธ์อื่นๆ เพื่อสร้างมาร์จิ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยบัญชีมาร์จิ้นเสมอไป
บัญชีมาร์จิ้นสามารถใช้เพื่อสร้างเลเวอเรจเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็แล้วแต่ ท่านจะต้องมั่นใจว่ามีประสบการณ์ในการเทรดมากเพียงพอที่จะใช้เทคนิคดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนมือใหม่ที่จะต้องเรียนรู้ทักษะการเทรดที่แม่นยำและมีความระมัดระวังเมื่อเทรดด้วยเลเวอเรจ ปัญหาหลักคือมือใหม่มักไม่เข้าใจว่าหลักการจริงๆ เป็นอย่างไร ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้วิธีการใช้ทั้งเลเวอเรจและมาร์จิ้น และทำความเข้าใจข้อแตกต่างระหว่างเลเวอเรจและมาร์จิ้นให้ดี
บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกพิจารณาว่ามีคำแนะนำหรือคำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงข้อเสนอหรือการชักชวนในการทำธุรกรรมใดๆ ในตราสารทางการเงิน ทั้งนี้ นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน