ความสำเร็จในการซื้อขายขึ้นอยู่กับความถูกต้องของข้อมูลที่เราสามารถคาดการณ์ได้จากความเคลื่อนไหวของตลาดรวมไปถึงตำแหน่งซื้อขายที่ดีที่สุด การเรียนรู้พื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณวางแผนที่จะใช้กลยุทธ์การซื้อขายระยะสั้น แต่จะดีกว่าไหมหากลองพิจารณาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการลงทุนระยะยาว โดยเน้นในสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นเป็นหลัก
เทรดเดอร์เชิงรุก (เช่น Scalper) โดยทั่วไปจะอาศัยตัวชี้วัดทางเทคนิค เพื่อช่วยในการตัดสินใจด้วยคาดการณ์การซื้อขายในตลาดในอนาคตโดยใช้ข้อมูลปริมาณและราคาที่เคยเกิดขึ้น แนวคิดทางเทคนิคนี้อิงตามหลักการที่ Charles Dow นำมาใช้ในช่วงปี 1800 โดยหลักการคือการระบุรูปแบบต่างๆบนกราฟซึ่งจะช่วยให้คาดการณ์ราคาได้อย่างแม่นยำ
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานทำงานแตกต่างออกไป โดยจะช่วยให้นักลงทุนระยะยาวสามารถสำรวจศักยภาพของเศรษฐกิจหรือสภาวการณ์ของอุตสาหกรรมเพื่อตัดสินใจว่าสินทรัพย์นั้นคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่ ทั้งนี้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น แนวโน้มของอุตสาหกรรม สภาวะตลาด รายได้ สถานะโดยรวมของเศรษฐกิจ การประเมินมูลค่าและพารามิเตอร์อื่นๆ อีกมากมาย ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวกำหนดมูลค่าในอนาคตของสินทรัพย์
เทรดเดอร์มือใหม่ควรตัดสินใจเลือกแนวทางที่ตรงตามความเหมาะสมกับเป้าหมายการซื้อขายของตน ในบทความนี้ เราจะพูดถึงประเด็นสำคัญเพื่อให้คุณสามารถศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อเริ่มการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนแรกคือการสร้างรากฐานการเทรด การเรียนรู้เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในตลาดการเงิน ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้เวลา 90% ในการเรียนรู้และอ่านแผนภูมิ ดังนั้น ขั้นตอนแรกของคุณคือการเรียนรู้รูปแบบกราฟสำคัญทั้งหมด รวมถึงวิธีการซื้อขายอย่างเหมาะสมกับสภาวะตลาดต่างๆ
โชคดีที่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายที่สามารถเข้าถึงได้อย่างไม่มีค่าใช้จ่าย โดยคำแนะนำในการเรียนรู้พื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีดังนี้
อ่านรายชื่อหลักสูตรการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ดีที่สุดที่นี่
เมื่อคุณใช้เทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิค คุณจะมีความรู้เพียงพอที่จะทราบสิ่งต่อไปนี้:
ด้วยข้อมูลนี้ ผู้ร่วมตลาดสามารถคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ในอนาคตของตำแหน่งซื้อขายปัจจุบันได้ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่คุณต้องเผชิญก็คือข้อมูลทางเทคนิคมักจะมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง และตลาดก็เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น จุดซื้อขายอาจมีความผันผวนอย่างมากในบางครั้งซึ่งส่งผลให้เกิดสัญญาณเท็จซึ่งเราจะต้องวิเคราะห์ต่อไป เรวมไปถึงสัญญาณและสถานการณ์ของตลาดที่อาจทำให้เกิดความสับสนได้เช่นกัน ดังนั้นคุณจะต้องฝึกฝนและพัฒนาทักษะการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อให้เข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ดีขึ้น เรามาเริ่มด้วยคำจำกัดความของแนวคิดกันก่อน การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นวิธีระบุรูปแบบและแนวโน้มโดยใช้ข้อมูลประวัติของการซื้อขายสินทรัพย์ก่อนหน้า กล่าวง่ายๆ ก็คือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคขึ้นอยู่กับการศึกษาข้อมูลในอดีต
การวิเคราะห์ตามแผนภูมิทางเทคนิคให้ข้อมูลที่หลากหลาย แผนภูมิคือสิ่งที่จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจตามสถานการณ์เฉพาะของตลาดได้
อีกทั้งยังช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์และตัดสินใจเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าสู่ตลาด รวมไปถึงการสร้างโอกาสในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จและหลีกเลี่ยงการขาดทุน เครื่องมือทางเทคนิคยอดนิยม ได้แก่ แผนภูมิการซื้อขาย แผนภูมิแท่งเทียน เครื่องมือสำหรับการดูข้อมูลหุ้น (ticker) และอื่นๆ
แม้ว่าจะมีแนวทางที่แตกต่างกันมากมายในการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่เป้าหมายหลักคือการให้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะซื้อและขายในตลาดอย่างไร และด้วยข้อมูลนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเทรดให้ประสบความสำเร็จ อีกทั้งรูปแบบกราฟยังช่วยยืนยันสัญญาณตลาด พร้อมด้วยเครื่องมืออื่นๆ มากมายที่เทรดเดอร์สามารถรวมเข้ากับกลยุทธ์ทางเทคนิคของตนได้
ทั้งนี้เทรดเดอร์มือใหม่ควรทราบว่าโดยทั่วไปแล้วการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะไม่ใช้เพื่อประเมินประสิทธิภาพของหุ้น IPO แต่มักใช้เมื่อทำการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ตลาดหุ้น หรือตลาดสกุลเงินดิจิทัล บางครั้งก็สามารถใช้เพื่อซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ได้เช่นกัน
หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จและสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่ทำกำไร คุณต้องพัฒนาความรู้ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยที่คุณไม่เพียงแต่ต้องมีทักษะการซื้อขายที่เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังต้องมีภาพรวมของการวิเคราะห์ตลาดด้วย
เพื่อการศึกษาตลาด เทรดเดอร์มือใหม่สามารถมองหาใบรับรองการวิเคราะห์ทางเทคนิคและเรียนรู้จากแหล่งที่ดีที่สุด นี่คือรายการหลักสูตรการวิเคราะห์ทางเทคนิคชั้นนำที่สามารถช่วยคุณได้:
Stock Market Trading: The Complete Technical Analysis Course by Udemy - นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเรียนรู้พื้นฐานและความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการซื้อขายทางเทคนิค หลักสูตรออนไลน์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขายระยะสั้นและเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดแบบ Scalping การเทรดออปชั่น วิธีใช้กราฟแท่งเทียน และรูปแบบกราฟอื่นๆ ภายใต้สภาวะตลาดที่แตกต่างกัน
The Ultimate Candlestick Trading & Analysis Masterclass Bundle by Travis Rose - โปรแกรมเริ่มต้น ที่ให้การเข้าถึงโมดูลทั้งหมดตลอดชีวิตพร้อมกับเอกสารรายละเอียดที่จัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายมืออาชีพ แม้ว่าขาดการสนับสนุนจากผู้สอนโดยตรง แต่หลักสูตรนี้ก็มอบความรู้ที่เป็นประโยชน์มากมาย
Stock Technical Trader by Marketfy - หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และต้องการพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในราคา $39 ต่อเดือน นักเรียนจะเข้าร่วมห้องแชทส่วนตัวแบบ live เพื่อสนทนาการซื้อขาย พร้อมวิดีโอพิเศษและบทช่วยสอนโดย Ro Davis ผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายที่มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี
การพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ทางเทคนิคถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเข้าสู่การเทรดแบบ Scalping หรือการซื้อขายรายวันแบบอื่นๆ เทคนิคนี้จะช่วยระบุจุดเข้าและออกของตลาดที่ดีที่สุดโดยพิจารณาจากประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องมือทางเทคนิคยังช่วยให้เข้าใจสภาวะตลาดที่เฉพาะเจาะจงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิค นักลงทุนมีโอกาสที่จะสร้างการคาดการณ์ที่ดีขึ้นและทำให้การซื้อขายในอนาคตประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคมักใช้กับการซื้อขาย Forex หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภท อย่างไรก็ตาม จะมีประโยชน์น้อยกว่าสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มักให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การเรียนรู้และการฝึกฝนเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้การซื้อขายทางเทคนิคมีประสิทธิภาพมากที่สุด มือใหม่ควรใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลการฝึกอบรมออนไลน์ฟรีและหลักสูตรที่มีให้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ