ข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีการรายงานออกมาในหลากหลายทิศทางเป็นแรงผลักดันให้คู่เงิน USDJPY พุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงต้นวันอังคาร ในสถานการณ์เดียวกันนี้ คู่เงินเยนสะท้อนถึงตัวเลขการจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นที่ลดต่ำลง ขณะที่พลิกกลับการถอยลงของวันก่อนหน้าจากระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1990 อีกปัจจัยที่สนับสนุนช่วงแนวโน้มขาขึ้นคือสัญญาณ MACD ที่เป็นช่วงขาขึ้น และการกลับตัวของระดับราคาจากแนวรับที่เพิ่มสูงขึ้นอายุเจ็ดสัปดาห์ที่ราวๆ 154.70 ด้วยเหตุนี้ คู่เงินเยนที่ทำหน้าที่เป็นบารอมิเตอร์ความเสี่ยงจึงมีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้ระดับราคาที่ราวๆ 160.00 อย่างไรก็ตาม เงื่อนไข RSI ที่บ่งชี้ถึงแรงเทซื้อที่มากเกินไปอาจท้าทายแรงเทซื้อที่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีซึ่งล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 160.20 ได้ แม้ว่าคู่เงินเยนจะยังคงพุ่งสูงขึ้นเหนือระดับราคาที่ราวๆ 160.20 แต่ระดับสูงสุดในปี 1990 ที่ประมาณ 160.40 และแนวต้านที่ลาดเอียงขึ้นซึ่งทอดยาวตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน 2023 ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ราวๆ 161.60 ก็ยังสามารถกระตุ้นช่วงแนวโน้มขาขึ้นต่อไปได้
ในทางตรงกันข้าม แรงเทขายคู่เงิน USDJPY จำเป็นต้องได้รับการยืนยันจากแนวรับที่กล่าวถึงข้างต้นตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่บริเวณ 154.70 รวมไปถึงรายงานการประชุม FOMC และรายงานตัวเลข NFP ของสหรัฐฯเพื่อเข้าควบคุมตลาดอีกครั้งแม้ในระยะสั้น หลังจากนั้น เส้นแนวต้านก่อนหน้าอายุ 18 เดือนซึ่งอยู่ที่ราวๆ 151.75 และเส้นด้านล่างของรูปแบบการกลับตัวของกราฟขาลงอายุ 10 เดือนที่ประมาณ 150.80 จะเป็นที่จับตามองต่อไป ในกรณีที่คู่เงินเยนยังคงร่วงลงผ่านระดับราคาที่ราวๆ 150.80 ระดับราคาที่ประมาณ 150.00 และระดับเส้น 200-SMA ที่บริเวณ 148.20 จะทำหน้าที่เป็นแนวรับสุดท้ายของแรงเทซื้อคู่เงิน USDJPY
สรุปภาพรวม คู่เงิน USDJPY ยังคงอยู่ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น แต่ช่วงขาขึ้นนี้ยังดูเหมือนจะมีจำกัด ขณะที่เทรดเดอร์กำลังรอการรายงานข้อมูล/เหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประกาศนโยบายการเงินจาก FOMC และรายงานการจ้างงานรายเดือนของสหรัฐฯ