ขณะที่นักเทรดเงินเยนกลับมาจากช่วงวันหยุดยาว คู่เงิน USDJPY กำลังทดสอบการปรับลดลงของระดับราคาล่าสุดจากเส้นแนวต้านขาลงอายุห้าสัปดาห์ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการดีดตัวขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าการฟื้นตัวของราคาคู่เงิน USDJPY ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากสัญญาณเชิงบวกจากอินดิเคเตอร์ RSI และ MACD ซึ่งดีดตัวขึ้นจากโซนแนวรับแนวนอนอายุเก้าเดือน
แม้ว่าแรงเทซื้อคู่เงิน USDJPY เริ่มแสดงสัญญาณให้เห็น แต่ความขัดแย้งระหว่างสัญญาณขาลงของ RSI และการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ประกอบกับเส้นแนวต้าน ยังคงทำให้นักเทรดฝั่งขายยังมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวขาลงที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอกซ์โพเนนเชียล (EMA) 100 วันได้ตัดลงต่ำกว่าระดับเส้น 200-EMA ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลง นอกจากนี้ การเกิดจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) ของอินดิเคเตอร์ยังขัดแย้งกับจุดสูงสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า (Lower High) ในกราฟราคา ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับสัญญาณ RSI ที่เป็นช่วงขาลง
แรงเทขายจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหากคู่เงิน USDJPY หลุดลงต่ำกว่าระดับแนวรับแนวนอนอายุเจ็ดสัปดาห์ที่ประมาณ 141.70-80 อย่างไรก็ตาม ระดับต่ำสุดจากช่วงเดือนธันวาคม 2023 และกันยายน 2024 จะยังเป็นอุปสรรคสำหรับช่วงแนวโน้มขาลงที่ราวๆ 140.20-139.60 ถ้าหากคู่เงินเยนปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 139.60 ราคาอาจทดสอบระดับต่ำสุดของช่วงกลางปี 2023 ที่อยู่ใกล้กับบริเวณ 137.30 ต่อไป
ในทางกลับกัน แรงเทซื้อจะเริ่มตั้งเป้าหมายไปที่เส้นแนวต้านขาลงที่ประมาณ 144.25 หากประสบความสำเร็จ แรงเทซื้ออาจมุ่งเป้าไปที่ระดับสูงสุดในรอบเดือนและจุดสูงสุดของช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ราวๆ 147.20 และ 149.40 ตามลำดับ นอกจากนี้ ระดับราคาที่ประมาณ 150.00 จะยังทำหน้าที่เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการเคลื่อนไหวของช่วงขาขึ้นใดๆ
ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณทางเทคนิคหรือการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แรงเทขายคู่เงิน USDJPY จะเผชิญกับเส้นทางที่ราบรื่นกว่าแรงเทซื้อ