คู่เงิน USDJPY ยังคงอยู่ในเรดาร์ของช่วงแนวโน้มขาลง หลังจากพลิกกลับจากแนวรับที่เปลี่ยนเป็นแนวต้านอายุเจ็ดเดือนและเส้น 50-SMA ในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ความล้มเหลวในการรักษาระดับการดีดตัวขึ้นของระดับราคาจากแนวรับ 100-SMA และสัญญาณ MACD ที่เป็นช่วงขาลงยังทำให้แรงเทขายมีความหวัง อย่างไรก็ตาม สัญญาณ RSI และการรายงานข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ยังท้าทายคู่เงินเยนที่ร่วงลงอย่างหนัก ในขณะเดียวกัน ปัจจัยนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของแนวรับ 100-SMA ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ราวๆ 155.30 อีกด้วย ซึ่งการทะลุผ่านแนวรับดังกล่าวจะดึงราคาลงสู่ระดับต่ำสุดของเดือนก่อนหน้าอย่างรวดเร็วไปที่ประมาณ 154.50 และจากนั้นจะปรับตัวลงต่อเนื่องไปสู่ระดับต่ำสุดของเดือนพฤษภาคมที่ราวๆ 151.85 หากราคาทะลุระดับ 151.85 ลงมา คู่เงิน USDJPY อาจเผชิญกับแรงต้านจากจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดหลายระดับที่บริเวณ 150.80 และ 150.00 ตามลำดับ หลังจากนั้น หากช่วงแนวโน้มขาขึ้นไม่สามารถยืนหยัดรักษาระดับเอาไว้ได้ แรงเทขายอาจกดดันราคาลงไปสู่ระดับต่ำสุดของเดือนมีนาคมที่ประมาณ 146.50
ในอีกทางหนึ่ง การบรรจบกันของเส้น 50-SMA และแนวรับก่อนหน้าที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 158.00 จะเป็นแนวต้านที่ใกล้ที่สุดต่อการปรับตัวสูงขึ้นของคู่เงิน USDJPY ในกรณีที่ปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น เป็นผลให้แรงเทซื้อสามารถพิชิตอุปสรรคที่ราวๆ 158.00 ได้ คู่เงินเยนจะสามารถตั้งเป้าหมายไปที่ระดับราคาที่ราวๆ 160.00 ก่อนที่แนวต้านแนวนอนอายุสามเดือนที่บริเวณ 160.30 จะท้าทายช่วงขาขึ้นของระดับราคาต่อไป โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า หากคู่เงินเยนสามารถพุ่งสูงขึ้นทะลุแนวต้านที่ราวๆ 160.30 ได้สำเร็จ จะทำให้ช่วงแนวโน้มขาขึ้นมีโอกาสแตะจุดสูงสุดใหม่ในรอบหลายปี ซึ่งทำไว้ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม โดยการท้าทายแนวต้านขาขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 162.55
สรุปภาพรวม คาดการณ์ว่าคู่เงิน USDJPY มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงขาลงดูเหมือนจะยังคงมีจำกัด