ช่วงแนวโน้มขาขึ้นของคู่เงิน EURUSD ชะลอตัวที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่ รูปแบบการกลับตัวของกราฟขาลงได้ท้าทายช่วงขาขึ้นของระดับราคา นอกเหนือไปจากเส้นบนสุดของรูปแบบกราฟขาลงที่ระบุไว้ข้างต้น เส้น RSI (14) ที่บ่งชี้ถึงแรงเทซื้อที่มากเกินไปและสัญญาณ MACD ที่ซบเซายังท้าทายการปรับตัวสูงขึ้นเพิ่มเติมของคู่เงินยูโรอีกด้วย ดังนั้น การดึงกลับของระดับราคาไปที่ระดับค่า Fibonacci retracement 38.2% ของช่วงขาลงตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่ราวๆ 1.0865 น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การบรรจบกันของเส้น Exponential Moving Average (EMA) 100 บาร์และ 200 บาร์ รวมไปถึงเส้นด้านล่างของรูปแบบการกลับตัวของกราฟขาลงที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.0830 ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับแรงเทขายคู่เงิน EURUSD ในกรณีที่ราคาร่วงลงต่ำกว่า 1.0830 สิ่งนี้จะยืนยันรูปแบบกราฟขาลงซึ่งบ่งชี้ถึงเป้าหมายทางทฤษฎีที่ราวๆ 1.0610 ในช่วงที่ราคามีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ระดับต่ำสุดในช่วงปลายปี 2023 และในรอบเดือนก่อนหน้าที่ประมาณ 1.0725 และ 1.0700 ตามลำดับ อาจจะกลายเป็นจุดพักตัวของช่วงแนวโน้มขาลง
ในทางตรงกันข้าม หากคู่เงิน EURUSD สามารถพุ่งสูงขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ราวๆ 1.0900 ไปได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการยืนยันการหลุดพ้นจากรูปแบบการกลับตัวของกราฟขาลง ก็จะช่วยให้คู่เงินยูโรมีโอกาสทดสอบจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ราวๆ 1.0930 หลังจากนั้น ระดับราคาที่ประมาณ 1.1000 จุดสูงสุดในรอบปีที่ราวๆ 1.1040 และจุดสูงสุดของปลายปี 2023 ที่ราวๆ 1.1140 จะดึงดูดแรงเทซื้อคู่เงินยูโรต่อไป
สรุปภาพรวม คู่เงิน EURUSD มีแนวโน้มที่จะมีการเคลื่อนไหวแบบดึงกลับ เนื่องจากช่วงแนวโน้มขาขึ้นยังขาดแรงกระตุ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงแนวโน้มขาลงยังไม่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน จนกว่าระดับราคาจะร่วงลงต่ำกว่า 1.0830