คู่เงิน EURUSD ยังคงมีราคาเสนอซื้อเป็นบวกเล็กน้อยที่บริเวณ 1.0830 ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี โดยรักษาระดับการฟื้นตัวจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอกซ์โพเนนเชียล (EMA) 200 วัน และ 100 วันในวันก่อนหน้า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยุติการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง อย่างไรก็ดี สัญญาณ MACD ที่เป็นช่วงขาลงและช่วงแนวโน้มขาลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะท้าทายแรงเทซื้อคู่เงินยูโร ก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในวันนี้และวันศุกร์ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม เส้น RSI (14) ที่คงที่ ยังบ่งชี้ถึงความต่อเนื่องของการฟื้นตัวขึ้นล่าสุด ดังนั้น ฝ่ายเทรนด์ขาขึ้นควรรอการพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจนทะลุเส้นด้านบนของช่วงแนวโน้มที่กล่าวถึงข้างต้นที่ราวๆ 1.0855 และการรายงานข้อมูลดัชนี ISM PMI และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น จากนั้น โอกาสที่ระดับราคาอาจปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปไปที่ประมาณ 1.0900 อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม เส้นแนวต้านที่ลาดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ที่บริเวณ 1.0950 ตามมาด้วยระดับราคาที่ราวๆ 1.1000 จะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับแรงเทซื้อต่อไป
ในทางกลับกัน พื้นที่ที่ประกอบด้วยเส้น EMA 100 วัน และ 200 วันที่บริเวณ 1.0810-800 จะจำกัดการปรับตัวลงในระยะสั้นของคู่เงิน EURUSD หากช่วงแนวโน้มขาลงของคู่เงินยูโรสามารถทำลายเส้น EMA ที่กล่าวถึงข้างต้นในการปิดตลาดรายวันได้ เส้นด้านล่างของช่วงแนวโน้มขาลงจะทำหน้าที่เป็นแนวรับสุดท้ายของแรงเทขายที่ราวๆ 1.0785 โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า ระดับค่า Fibonacci ratios 61.8% และ 78.6% ของการพุ่งสูงขึ้นระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคมของคู่เงิน EURUSD ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.0730 และ 1.0670 ตามลำดับ อาจทำหน้าที่เป็นแนวรับที่ใกล้ที่สุดในระหว่างการปรับตัวลงของคู่เงินยูโรที่ระดับต่ำกว่า 1.0785 และอาจปรับลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบปีที่ทำเครื่องหมายไว้ในเดือนเมษายนที่ประมาณ 1.0600 ต่อไป
สรุปภาพรวม คู่เงิน EURUSD มีแนวโน้มที่จะยังคงปรับตัวสูงขึ้น แต่ช่วงแนวโน้มขาขึ้นอาจมีจำกัด นอกจากนี้ บรรยากาศการลงทุนที่มีความระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลดัชนี ISM PMI และตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในเดือนกรกฎาคม ยังเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับแรงเทซื้อคู่เงินยูโรอีกด้วย